สมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ตั้งข้อหาอาร์เซนอลกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ฐานควบคุมนักเตะของตัวเองไม่อยู่จากจังหวะที่นักเตะทั้งสองทีมไปยืนห้อมล้อมแสดงความไม่พอใจผู้ตัดสินใจ ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
เรือใบสีฟ้าบุกชนะปืนใหญ่ถึงเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 3-1 ทำให้ขยับแซงขึ้นไปรั้งจ่าฝูงแล้ว จากการมีผลต่างประตูได้เสียดีกว่าแม้แต้มจะเท่ากัน แต่ยังแข่งมากกว่า 1 นัด
ทว่าในเกมนี้ ก็มีหลายจังหวะที่การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินน่ากังขา จนทำให้นักเตะทั้งสองทีมไม่พอใจและพยายามไปยืนห้อมล้อมอธิบายกับผู้ตัดสิน ทว่าล่าสุดทั้งสองทีมกลับถูกเอฟเอตั้งข้อหาเอาผิดในข้อหาที่ควบคุมความประพฤติของนักเตะของตัวเองไม่อยู่
เริ่มจากฝั่งของซิตี้โดนข้อหาล้อมผู้ตัดสินไป 2 จังหวะ คือช็อตที่ เอแดร์ซอน ไปชนใส่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ จนเสียจุดโทษในช่วงท้ายครึ่งแรก และอีกช็อตในครึ่งหลังที่ เอ็นเคเทียห์ ไปยกเท้าสูงเปิดปุ่มใส่ รูเบน ดิอาส แต่โดนแค่ใบเหลือง จนทำให้นักเตะซิตี้ไม่พอใจและไปโวยว่าควรโดนใบแดงนั่นเอง
ส่วนอาร์เซนอลโดนตั้งข้อหาล้อมผู้ตัดสินในจังหวะที่ กาเบรียล มากัลเญส ไปทำฟาวล์ใส่ เออร์ลิง ฮาลันด์ เสียจุดโทษ แล้วทาง กาเบรียล ก็โดนใบเหลืองด้วย แต่สุดท้ายหลังจากเช็ค VAR จังหวะนี้ก็ไม่เป็นฟาวล์ เพราะว่าทาง ฮาลันด์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า และผู้ตัดสินก็ยกเลิกใบเหลืองของ กาเบรียล อีกด้วย
"ทั้งสองสโมสรถูกตั้งข้อหาเรื่องความล้มเหลวในการดูแลให้นักเตะของพวกเขาประพฤติตนอย่างมีระเบียบ โดยมีผู้เล่นของอาร์เซนอลไปล้อมรอบผู้ตัดสินในนาทีที่ 56 และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนาทีที่ 42 และ 64"
"อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีเวลาถึงวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ ในการตอบกลับถึงข้อกล่าวหานี้" แถลงการณ์จากเอฟเอ
นอกจากนี้ ฝั่งของอาร์เซนอลก็จะโดนลงโทษอีกข้อหา จากเหตุการณ์ที่มีแฟนบอลไปปาแก้วน้ำลงมาใส่ เควิน เดอ บรอยน์ อีกด้วยเช่นกัน