LIVE UPDATE UCL : ลิเวอร์พูล - เบนฟิก้า
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021-2022 รอบ 8 ทีมนัดสอง เป็นการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดรังเหย้า แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ เบนฟิก้า
เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเจ้าบ้าน เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 ด้วยการใช้สามประสานแนวรุกในแดนหน้าเป็น ดิโอโก้ โชต้า, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และ หลุยส์ ดิอาซ
ด้านทีมเยือนของ เนลซอน เวริสซิโม วางหมากมาในแผน 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น ดาร์วิน นูนเญซ ทำเกมรุกร่วมกับ ดิโอโก้ กอนซัลเวส, กอนซาโล รามอส และ เอแวร์ตอน โซอาเรส
ครึ่งแรกดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 21 เป็นฝั่งของลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำ จากลูกเตะมุมฝั่งซ้ายที่ คอสตาส ซิมิคาส เปิดให้ อิบราฮิมา โกนาเต้ เทกตัวโหม่งตุงตาข่าย ส่งให้หงส์แดงออกนำ 1-0
ทว่านาทีที่ 32 เบนฟิก้ามาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ ไปปั๊มแย่งบอลกับ ดิโอโก้ กอนซัลเวส แต่ดันโดนเหลี่ยมไม่ดีจนกลายเป็นการถวายพานให้ กอนซาโล รามอส ได้แปด้วยขวาเน้น ๆ อย่างเด็ดขาด ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกด้วยผลนี้
ครึ่งหลังลิเวอร์พูลมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง ในนาทีที่ 55 จากจังหวะที่ ดิโอโก้ โชต้า ล้มตัวจ่ายบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน แปด้วยขวาจ่อ ๆ ไม่เหลือ ช่วยให้อดีตแชมป์ 6 สมัยนำอีกรอบ 2-1
ถัดมานาทีที่ 65 เจ้าบ้านมาบวกลูกสามเพิ่มได้อีก จากลูกฟรีคิกทางกราบซ้ายที่ คอสตาส ซิมิคาส เปิดเข้าเขตโทษให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน โฉบมาแปด้วยขวาะระยะเผาขนตุงตาข่าย เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ส่งให้หงส์แดงนำห่าง 3-1
แต่เบนฟิก้ายังไม่ยอมง่าย ๆ เมื่อมาได้ประตูตีตึ้น ในนาทีที่ 73 จากจังหวะที่ อเล็กซ์ กริมัลโด้ จ่ายทะลุช่องให้ โรมัน ยาเรมชุค หลุดเดี่ยวไปล็อคหลบ อลิสซอน เบ็คเกอร์ แล้วด้วยซ้ายโล่ง ๆ เข้าไป ทำให้ทีมเยือนไล่มาเป็น 2-3
ต่อเนื่องด้วยช่วงท้ายเกมนาทีที่ 81 เบนฟิก้ามาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ ยูเลียน ไวเกิ้ล วางบอลยาวให้ เชา มาริโอ เกี่ยวบอลต่อให้ ดาร์วิน นูนเญซ หลุดไปแปด้วยขวาอย่างเฉียบคม ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 3-3
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมด้วยผลเสมอ 3-3 แต่รวมผลสองนัดเป็นลิเวอร์พูลชนะไป 6-4 ตีตั๋วผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับบียาร์เรอัลต่อไป
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์; โจ โกเมซ, อิบราฮิมา โกนาเต้, โฌแอล มาติป, คอสตาส ซิมิคาส; นาบี เกอิต้า, เจมส์ มิลเนอร์ (ติอาโก้ อัลคันทารา น.58), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ฟาบินโญ น.58); ดิโอโก้ โชต้า (โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.57), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน (ดีว็อก โอริกี้ น.90+2), หลุยส์ ดิอาซ (ซาดิโอ มาเน น.66)
สำรองไม่ได้ใช้ : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เคอร์ติส โจนส์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ควีวีน เคลเลเฮอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์
เบนฟิก้า (4-2-3-1) : โอดีสเซอาส วลาโคดิมอส; จิลแบร์โต้ (จิล ดิอาส น.90+1), นิโกลัส โอตาเมนดี้, ยาน แฟร์ตองเก้น, อเล็กซ์ กริมัลโด้; ยูเลียน ไวเกิ้ล, อเดล ทารับต์ (เชา มาริโอ น.66); ดิโอโก้ กอนซัลเวส (โรมัน ยาเรมชุค น.46), กอนซาโล รามอส (เปาโล แบร์นาร์โด้ น.78), เอแวร์ตอน โซอาเรส (อังเดร อัลเมด้า น.90+1); ดาร์วิน นูนเญซ
สำรองไม่ได้ใช้ : ซูอาลิโอ ไมเต้, ฮาริส เซเฟโรวิช, วาเลนติโน ลาซาโร, เนมานยา ราดอนยิช, เอลตอน เลเต้, เปโดร อัลวาโร, โมราโต้
โปรแกรมถ่ายทอดสด
| TV station | beIN SPORTS 3 |
เช็คโปรแกรมถ่ายทอดสดทุกคู่ได้ที่นี่
วันและเวลาแข่งขัน
| เกม | ลิเวอร์พูล - เบนฟิก้า |
| วันที่ | คืนวันพุธที่ 13 เมษายน 2565 |
| เวลา | 2.00 น. (เช้ามืดวันพฤหัสบดี) |
| สนาม | แอนฟิลด์ |
สภาพความพร้อมก่อนเกมของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล อยู่ในสภาพทีมที่สมบูรณ์ ไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บและติดโทษแบน แนวรับใช้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จับคู่กับ อิบราฮิมา โกนาเต้ แดนกลางนำทัพโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ประสานงานกับ ฟาบินโญ และ นาบี เกอิต้า แนวรุกเป็นสามประสาน หลุยส์ ดิอาซ, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
เบนฟิก้า เกมนี้จะไม่มี ลูคัส เวริสซิโม และ โรดริโก้ ปินโญ ที่มีอาการบาดเจ็บ นอกนั้นพร้อมลงสนาม แนวรับใช้ นิโกลัส โอตาเมนดี้ จับคู่กับ ยาน แฟร์ตองเก้น แดนกลางนำทัพโดย ยูเลียน ไวเกิ้ล ประสานงานกับ อเดล ทารับต์ แนวรุกใช้ ราฟา ซิลวา, เอแวร์ตอน และ กอนซาโล รามอส คอยปั้นเกมให้ ดาร์วิน นูนเญซ จบสกอร์
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล
อลิสซอน (GK)
อาร์โนลด์, มาติป, โกนาเต้, โรเบิร์ตสัน
ฟาบินโญ, เฮนเดอร์สัน, เกอิต้า
ซาลาห์, ฟีร์มิโน, ดิอาซ
เบนฟิก้า
วลาโคดิมอส (GK)
จิลแบร์โต้, โอตาเมนดี้, แฟร์ตองเก้น, กริมัลโด้
ไวเกิ้ล, ทารับต์
ราฟา ซิลวา, กอนซาโล รามอส, เอแวร์ตอน
นูนเญซ
ผลงานเกมที่ผ่านมา
ลิเวอร์พูล บุกเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 ในเกมลีกนัดที่ผ่านมา ขณะที่ เบนฟิก้า เปิดบ้านเอาชนะ เบเลเนนส์ 3-1 ในเกมลีกเช่นกัน




