ฟุตบอลไทยในอดีตเคยมีรายการแข่งขันระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่และทรงเกียรติอย่าง "ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ควีนส์คัพ" ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
จุดกำเนิดแห่งเกียรติยศ
ควีนส์คัพเกิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2513 เพียงสองปีหลังจากการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ โดยมีจุดเริ่มต้นจาก นายบุญชู โรจนเสถียร อดีตนายกสโมสรธนาคารกรุงเทพ ที่ต้องการให้มีการแข่งขันฟุตบอลในประเทศไทยเพิ่มเติม หลังจากมีการประชุมและนำรูปแบบการจัดการแข่งขันขึ้นกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต ก็ได้รับพระราชทานชื่อการแข่งขันว่า "ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ"
การแข่งขันครั้งที่ 1 จัดขึ้นโดยมีสโมสรธนาคารกรุงเทพเป็นเจ้าภาพ และเชิญอีก 5 ทีมเข้าร่วม ได้แก่ สโมสรการท่าเรือ, สโมสรราชวิถี, สโมสรทหารอากาศ, สโมสรสมาคมจีนแคะ และ สโมสรราชประชานุเคราะห์
เวทีแห่งโอกาสและประสบการณ์
ควีนส์คัพมีความแตกต่างจากคิงส์คัพตรงที่เป็นการเทียบเชิญสโมสรฟุตบอลในไทยเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งในยุคที่ฟุตบอลไทยยังเป็นแบบกึ่งอาชีพ รายการนี้จึงได้รับความนิยมและมีการจัดแข่งขันทุกปี เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้กับผู้เล่นแล้ว ยังเป็นเวทีอันทรงเกียรติสำหรับนักฟุตบอลไทยในการแสดงฝีเท้า เพื่อต่อยอดไปสู่การติดทีมชาติในอนาคต
เมื่อได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ควีนส์คัพก็ถูกยกระดับโดยมีการเทียบเชิญทีมสโมสรจากต่างประเทศเข้าร่วมแข่งขันด้วย อาทิ จาการ์ตา ปุตรา (อินโดนีเซีย), ยันมาร์ ดีเซล (ญี่ปุ่น), ฮันยาง (เกาหลีใต้), ปักกิ่ง (จีน), กัมบะ โอซาก้า (ญี่ปุ่น) และ ฮาเลลูยา (เกาหลีใต้) เป็นต้น
โมเมนต์แห่งความทรงจำแชมป์สุดท้าย
หนึ่งในโมเมนต์ที่แฟนบอลหลายคนยังจดจำได้ดีคือการแข่งขันครั้งสุดท้ายเมื่อ 15 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2553) ซึ่งเป็นการดวลกันระหว่าง ธนาคารกรุงไทย-บีจี ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายก่อนเปลี่ยนผ่านจาก ธนาคารกรุงไทย มาสู่ บางกอกกล๊าส เอฟซี และเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน พบกับ เพื่อนตำรวจ
ในวันนั้นเต็มไปด้วยนักเตะดาวรุ่งและอดีตนักเตะดีกรีทีมชาติไทยมากมาย อาทิ อนาวิน จูจีน, สุรชาติ สารีพิมพ์, จักรพันธ์ พรใส, กิตติศักดิ์ ระวังป่า, อำนาจ แก้วเขียว, สุธี สุขสมกิจ, เนย์ ฟาเบียโน และ มานิตย์ น้อยเวช โดยมี 'โค้ชง้วน' สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ เป็นเฮดโค้ชของธนาคารกรุงไทย-บีจี
ผลการแข่งขันปรากฏว่า ธนาคารกรุงไทย-บีจี เอาชนะเพื่อนตำรวจไปอย่างขาดลอย 4-1 และคว้าแชมป์เป็นทีมสุดท้ายในประวัติศาสตร์ควีนส์คัพมาจนถึงปัจจุบัน
ปิดฉากตำนาน
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนส์คัพก็ได้ห่างหายไปจากวงการลูกหนังไทย และไม่ได้มีการจัดการแข่งขันอีกเลยจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาถึง 15 ปีเต็ม ด้วยความที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกลูกหนัง โดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่ความเป็นฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว และมีการจัดการแข่งขันในประเทศอย่างเป็นระบบระเบียบภายใต้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทำให้โปรแกรมฟุตบอลยุคใหม่มีความแน่นเอี้ยดจนยากจะจัดสรรช่วงเวลา
ในปี พ.ศ. 2554 "บิ๊กป้อม" ทรงพล นุกูลชิต เลขานุการมูลนิธิฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนส์คัพ เคยให้สัมภาษณ์กับ “คม ชัด ลึก”ยอมรับถึงความหนักใจว่า การแข่งขันครั้งที่ 35 ต้องเลื่อนออกไปทั้งหมด เนื่องจากยังไม่สามารถหาภาคีสโมสรรับเป็นเจ้าภาพได้ และเวลาไม่เอื้ออำนวย เพราะแม้แต่โปรแกรมลีกในประเทศก็ยังจัดไม่แล้วเสร็จ การแข่งขันควีนส์คัพซึ่งเป็นถ้วยพระราชทานที่ไม่สามารถนำไปพ่วงกับกิจกรรมอื่นได้ จึงต้องเผชิญกับข้อจำกัดเรื่องเวลาอย่างหนัก ทำให้รายการอันทรงเกียรตินี้ต้องหลงเหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำของแฟนบอลชาวไทยนับแต่นั้นมา
