หลังจากที่ทีมชาติไทย ภายใต้การนำของ มาซาทาดะ อิชิอิ ทำผลงานได้ประทับใจในศึก เอเอฟซี เอเชียนคัพ เหล่านักเตะได้เดินทางกลับมาสมทบกับสโมสรต้นสังกัดเพื่อฝึกซ้อมก่อนเปิดเลกที่2 ของฟุตบอล รีโว ไทยลีก 2023/24 และในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 จะมีการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยคนใหม่ แทน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่กำลังจะหมดวาระ
นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ชวนแฟนๆฟุตบอล ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายทอดสดในฤดูกาลถัดไป ในงานวิจัยหัวข้อ “ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของแฟนฟุตบอลไทยในการสมัครบอกรับสมาชิกเพื่อชมการถ่ายทอดสดไทยพรีเมียร์ลีก 2023/24” โดยต้องการสะท้อนมุมมองว่าแฟนฟุตบอลควรต้องเสียเงินสมัครสมาชิกเพื่อชมการถ่ายทอดสดในฤดูกาลหน้าหรือไม่ เป็นคำถามกับไปที่นายกสมาคมฟุตบอลฯคนต่อไป
พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ นักศึกษาปริญญาโทเจ้าของผลงานวิจัยที่กำลังเก็บผลสำรวจเล่าว่า “ต้องการศึกษาถึงเหตุผลในการตัดสินใจสมัครของแฟนฟุตบอลไทยในปีที่ผ่านมา หลังจากมีปัญหาการบริหารเรื่องสิทธิประโยชน์ จนท้ายที่สุดแฟนฟุตบอลต้องสมัครชมผ่านระบบสตรีมมิ่ง และอยากจะรู้ว่าถ้าในฤดูกาลต่อไปหากเป็นเช่นนี้อีกแฟนๆจะยังคงตัดสินใจสมัครเพื่อสร้างรายได้ให้กับสโมสรต่างๆหรือไม่”
ก่อนหน้านี้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกเคยมีมูลค่าสูงถึง 4,200ล้านบาท ในช่วงระยะเวลาสัญญาปี 2017 - 2020 ก่อนที่ในปีที่ผ่านมาจะมีเพียงหนึ่งเจ้าที่เสนอมูลค่าเข้ามา 50 ล้านบาท จนทำให้สโมสรต่างๆต้องออกมาจัดการเรื่องนี้ผ่านการผลักดันแคมเปญ #SaveThaiLeague โดยผู้รับชมจะต้องสมัครผ่านระบบ AIA Play,TRUEID และ 3BB GigaTV รายเดือนๆละ 59 บาท และตลอดฤดูกาล 500 บาท โดยก่อนหน้านี้มีการตั้งเป้าว่าแต่ละสโมสรจะหากลุ่มแฟนคลับสมัครได้สโมสรละ 20,000 ยูสเซอร์เพื่อที่จะทำให้การได้รับเงินสนับสนุนจะเป็นไปตามที่ตกลงไว้
อีกทั้งหลังจากฟุตบอลไทย ผ่านเลกที่ 1 ไป งานวิจัยนี้ยังสำรวจว่าคุณภาพในด้านต่างๆทั้งการถ่ายทอด บริการหลังการขาย สัญญาณภาพและเสียง รวมไปถึงทีมพากย์นั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุงและมอบให้กับนายกสมาคมฟุตบอลฯ คนใหม่ โดยจะมีแถลงผลศึกษาหลังจากฟุตบอลไทยลีกฤดูกาลนี้จบลงในเดือนพฤษภาคม เพื่อหาแนวทางพัฒนาวงการฟุตบอลต่อไป
แฟนๆฟุตบอลไทยที่สมัครแพกเกจชมการถ่ายทอดสดสามารถร่วมตอบคำถามการวิจัยนี้เพื่อนำไปปรับปรุงวงการฟุตบอลไทยได้ที่ https://citly.me/2Ytah