JAPAN Imago Images

ผลบอลโลก 2022 วันที่ 12 : ญี่ปุ่นลิ่วดวลโครเอเชีย, โมร็อกโกได้เจอสเปน

โครเอเชีย 0-0 เบลเยียม

Romelu Lukaku BelgiumGetty Images

เกมสุดท้ายของกลุ่มเอฟ แข่งขันในช่วง 22.00 น. ระหว่าง โครเอเชีย ลงเล่นที่สนามอาห์หมัด บิน อาลีสเตเดียม ในเมืองอัล รายยานของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ เบลเยียม

ครึ่งแรกเป็นฝั่งของโครเอเชียเกือบจะได้จุดโทษ ในนาทีที่ 17 จากจังหวะที่ อังเดร ครามาริช ไปโดน ยานนิค การ์ราสโก้ สกัดล้มลงไป แต่เมื่อผู้ตัดสินเช็ค VAR ก็ย้อนมาให้เป็นลูกล้ำหน้าในจังหวะก่อนหน้านี้ของ เดยัน ลอฟเรน ไปแทน ทำให้จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังแม้ว่าเบลเยียมจะส่งกองหน้าตัวเก่งอย่าง โรเมลู ลูกากู ลงสนามมาตั้งแต่เริ่ม ทว่ากลับกลายเป็น ลูกากู ซึ่งยิงทิ้งทิงขว้างไปเองหลายครั้ง ก่อนที่สุดท้ายจบเกมด้วยผลเสมอ 0-0 ทำให้โครเอเชียเก็บไปได้ 5 คะแนน เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอฟ ส่วนเบลเยียมที่มี 4 คะแนน จบอันดับ 3 ตกรอบไปตามระเบียบ

แคนาดา 1-2 โมร็อกโก

(0-1 น.4 ฮาคิม ซีเย็ค, 0-2 น.23 ยุสเซฟ เอ็น-เนไซรี,1-2 น.4 นาเยฟ อักราด (ทำเข้าประตูตัวเอง))

Hakim Ziyech Morocco World Cup 2022.Getty Images.

เกมสุดท้ายของกลุ่มเอฟ แข่งขันในช่วง 22.00 น. ระหว่าง แคนาดา ลงเล่นที่สนามอัล ธูมามา สเตเดียม ในเมืองอัล ธูมามา ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ โมร็อกโก

เริ่มเกมเพียงแค่ 4 นาที เป็นฝั่งของโมร็อกโกมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากความผิดพลาดของผู้รักษาประตูแดคนาดาอย่าง มิลาน บอร์ยาน ซึ่งออกมาเคลียร์ทิ้งไม่ดีไปเข้าทาง ฮาคิม ซีเย็ค บรรแปด้วยซ้ายย้อนข้ามหัว บอร์ยาน เข้าไปแบบเหนือชั้น

ต่อมานาทีที่ 23 โมร็อกโกมาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ อัชราฟ ฮาคิมี วางบอลยาวให้ ยุสเซฟ เอ็น-เนไซรี หลุดไปยิงด้วยขวาอย่างเด็ดขาด

ทว่าช่วงท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 40 แคนาดามาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะที่ แซม อเดคุกโบ้ เปิดบอลทางกราบซ้ายเข้าเขตโทษไปโดน นาเยฟ อักราด สกัดผิดเหลี่ยมปลิ้นเข้าประตูตัวเองไป ทำให้ทีมจากโซนคอนคาเคฟไล่มาเป็น 1-2 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีกแต่อย่างใด ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นโมร็อกโกชนะไป 2-1 เก็บได้ทั้งหมด 7 แต้ม ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเอฟ ส่วนแคนาดาแพ้รวดทั้งสามเกม ไม่มีแม้แต่แต้มเดียว และตกรอบด้วยการเป็นอันดับ 4 สุดท้ายของกลุ่มเอฟ

ญี่ปุ่น 2-1 สเปน

(0-1 อัลบาโร โมราต้า น.11, 1-1 ริสึ โดอัน น.48, 2-1 อาโอะ ทานากะ น.51)

20221201 Ao TanakaGetty Images

เกมสุดท้ายของกลุ่มอี แข่งขันในช่วง 2.00 น. ระหว่าง ญี่ปุ่น ลงเล่นที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชันแนลสเตเดียมในเมืองอัล รายยานของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ สเปน

เริ่มเกมได้ 11 นาที เป็นฝั่งของสเปนมาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เปิดบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้ อัลบาโร โมราต้า เทกตัวโหม่งตุงตาข่าย ส่งให้ทัพกระทิงดุออกนำ 1-0และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังกลายเป็นญี่ปุ่นมาได้ประตูตีเสมอ ในนาทีที่ 48 จากจังหวะที่ ริสึ โดอัน ได้ซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ แม้ว่า อูไน ซิมอน จะพุ่งปัดโดนแต่ก็หยุดความแรงของลูกไม่อยู่ บอลพุ่งตุงตาข่ายทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1

ถัดมานาทีที่ 51 ญี่ปุ่นมาได้ประตูพลิกขึ้นนำ จากจังหวะที่ ริสึ โดอัน ไหลบอลทางกราบขวาลึกไปเสาไกลให้ คาโอรุ มิโตมะ ล้มตัวตวัดบอลเข้ากลางต่อให้ อาโอะ ทานากะ ชาร์จจ่อๆ ตุงตาข่าย ช่วยให้ทีมจากเอเชียแซงนำ 2-1

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นญี่ปุ่นชนะไป 2-1 เก็บได้ทั้งหมด 6 แต้ม เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มอีไปพบกับโครเอเชีย ส่วนสเปนแม้จะแพ้ แต่ก่อนหน้านี้มี 4 แต้มตุนไว้ ทำให้จบอันดับ 2 ด้วยการมีผลต่างประตูได้เสียดีกว่าอันดับ 3 อย่างเยอรมัน และเข้ารอบไปเจอกับโมร็อกโก

คอสตาริกา 2-4 เยอรมัน

(0-1 แซร์ช นาบรี้ น.10, 1-1 เยลท์ซิน เตเฮด้า น.58, 2-1 มานูเอล นอยเออร์ น.70 (ทำเข้าประตูตัวเอง), 2-2 ไค ฮาแวร์ตซ์ น.73, 2-3 ไค ฮาแวร์ตซ์ น.85, 2-4 นิคลาส ฟุลล์ครุก น.89)

Jamal Musiala Manuel Neuer GermanyGetty/GOAL

เกมสุดท้ายของกลุ่มอี แข่งขันในช่วง 2.00 น. ระหว่าง คอสตาริกา ลงเล่นที่สนามอัล บัยต์ สเตเดียม ในเมืองอัล คอร์ ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ เยอรมัน

เริ่มเกมได้ 10 นาที เป็นฝั่งของเยอรมันมาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ ดาวิด เราม์ เปิดบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ แซร์ช นาบรี้ โหม่งเข้าเสาไกลเข้าไป ส่งให้อินทรีเหล็กออกนำ 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

ทว่าครึ่งหลังนาทีที่ 58 คอสตาริกามาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ เคย์เชอร์ ฟูลเลอร์ เปิดบอลทางสุดเส้นหลังฝั่งขวาเข้ากลางให้ เคนดัลล์ วัสตัน โหม่งติดเซฟ มานูเอล นอยเออร์ มาเข้าทาง เยลท์ซิน เตเฮด้า ยิงซ้ำดาบสองด้วยขวาจ่อ ๆ ไม่เหลือ

ต่อมานาทีที่ 70 กลายเป็นคอสตาริกามาพลิกแซงนำ 2-1 จากจังหวะที่บอลขลุกขลิกชุลมุนอยู่ในกรอบหกหลา แล้วสุดท้ายปลิ้นไปโดนขาของ มานูเอล นอยเออร์ เข้าประตูตัวเองไป

แต่แล้วถัดมาในนาทีที่ 73 เยอรมันก็มาตามตีเสมอ 2-2 จากจังหวะที่ โยซัว คิมมิช โหม่งบอลเข้าเขตโทษแล้ว นิคลาส ฟุลล์ครุก สะกิดต่อให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ยิงด้วยขวาข้ามตัว เกย์ลอว์ นาวาส เข้าไป

ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 85 เยอรมันมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 3-2 จากจังหวะที่ แซร์ช นาบรี้ เปิดบอลทางกราบขวาเข้าเขตโทษให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ แปด้วยซ้ายระยะเผาขนตุงตาข่าย เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้

ต่อเนื่องด้วยนาทีที่ 89 เยอรมันมาได้ประตูหนีเป็น 4-2 จากจังหวะที่ โยซัว คิมมิช วางบอลโด่งเข้าเขตโทษให้ เลรอย ซาเน พักอกตั้งต่อให้ นิคลาส ฟุลล์ครุก ตวัดยิงด้วยซ้ายจ่อ ๆ ไม่เหลือ

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นเยอรมันชนะไป 4-2 เก็บได้ 4 แต้ม จบอันดับ 3 ของกลุ่มอี แม้จะมีแต้มเท่ากับ สเปน อันดับ 2 แต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรอง ส่งผลให้อินทรีเหล็กตกรอบแรกในฟุตบอลโลก 2 สมัยติดต่อกัน

โฆษณา

ENJOYED THIS STORY?

Add GOAL.com as a preferred source on Google to see more of our reporting

0