ตูนิเซีย 1-0 ฝรั่งเศส
(1-0 วาห์บี้ คาซรี น.58)
Gettyเกมสุดท้ายของกลุ่มดี แข่งขันในช่วง 22.00 น. ระหว่าง ตูนิเซีย ลงเล่นที่สนามเอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดียม ในเมืองอัล รายยาน ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ ฝรั่งเศส
ครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0 ก่อนที่ครึ่งหลังนาทีที่ 58 เป็นฝั่งของตูนิเซียมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ วาห์บี้ คาซรี ลากแหวกแนวรับฝรั่งเศสไปยิงด้วยซ้ายตุงตาข่าย
ช่วงทดเวลานาทีที่ 90+10 ฝรั่งเศสพลาดการได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ ออเรเลียง ชูอาเมนี วางบอลโด่งเข้าเขตโทษไปโดนแนวรับตูนิเซียโหม่งสกัดมาเข้าทาง อองตวน กรีซมันน์ ยิงด้วยขวาเข้าไป ทว่าเมื่อเช็ค VAR ก็พบว่า กรีซมันน์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า และมีส่วนกดดันให้แนวรับตูนิเซียต้องโหม่งสกัดนั่นเอง
สุดท้ายจบเกมเป็นตูนิเซียชนะไป 1-0 แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการเข้ารอบ เพราะจบเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มดี ส่วนฝรั่งเศสแม้จะแพ้แต่ยังเข้ารอบเป็นแชมป์กลุ่มดี โดยจะได้เจอกับโปแลนด์ในรอบ 16 ทีมต่อไป
ออสเตรเลีย 1-0 เดนมาร์ก
(1-0 แม็ทธิว เล็คกี้ น.60)
Gettyเกมสุดท้ายของกลุ่มดี แข่งขันในช่วง 22.00 น. ระหว่าง ออสเตรเลีย ลงเล่นที่สนามอัล จานูบ สเตเดียม ในเมืองอัล วาคราห์ ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ เดนมาร์ก
ครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0 กระทั่งครึ่งหลังนาทีที่ 60 เป็นฝั่งของออสเตรเลียมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ไรลีย์ แม็คกรี ไหลบอลตั้งแต่กลางสนามให้ แม็ทธิว เล็คกี้ เลี้ยงล็อคหาเหลี่ยมยิงก่อนจะได้กดด้วยซ้ายพาบอลพุ่งเรียดเบียดโคนเสาเข้าไปอย่างเฉียบคม
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นออสเตรเลียชนะไป 1-0 จบรองแชมป์กลุ่มดีและผ่านเข้ารอบ 16 ทีมไปพบกับอาร์เจนตินา
โปแลนด์ 0-2 อาร์เจนตินา
(0-1 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ น.46, 0-2 ฮูเลียน อัลวาเรซ น.67)
Getty Imagesเกมสุดท้ายของกลุ่มซี แข่งขันในช่วง 2.00 น. ระหว่าง โปแลนด์ ลงเล่นที่สนามสเตเดียม 974ในกรุงโดฮา เมืองหลวงของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับอาร์เจนตินา
ครึ่งแรกเป็นฝั่งของอาร์เจนตินามีโอกาสใกล้เคียงในการได้ประตูมากที่สุด ในนาทีที่ 39 เมื่อผู้ตัดสินเช็ค VAR จังหวะที่ วอยเชียค เชสนี กระโดดจะปัดบอลแต่มือไปฟาดใส่ใบหน้าของ ลิโอเนล เมสซี ซึ่งโหม่งข้ามคานไปแล้ว ก่อนจะชี้ขาดให้เป็นจุดโทษผู้สังหารอย่าง เมสซี กลับยิงไปโดน เชสนี พุ่งปัดทิ้งออกหลังไปได้ ทำให้จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลังอาร์เจนตินาจัดการทำประตูขึ้นนำจนได้ ในนาทีที่ 46 จากจังหวะที่ นาอูเอล โมลินา ไหลบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ตวัดยิงเรียดด้วยขวาเช็ดโคนเสาไกลเข้าไป ส่งให้แชมป์โคปา อเมริกาออกนำ 1-0
ต่อมานาทีที่ 67 อาร์เจนตินาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ไหลบอลเข้าเขตโทษให้ฮูเลียน อัลวาเรซ แต่งหาเหลี่ยมแล้วจัดการยิงด้วยขวาอย่างเด็ดขาด ช่วยให้อดีตแชมป์โลก 2 สมัยหนีห่างเป็น 2-0
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นอาร์เจนตินาชนะไป 2-0 เก็บได้ทั้งหมด 6 แต้ม เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มซีไปพบกับออสเตรเลียในรอบ 16 ทีม ส่วนโปแลนด์มี 4 แต้ม เท่ากับอันดับ 3 เม็กซิโก แต่ฝั่งของโปแลนด์มีผลต่างประตูได้เสียดีกว่า ทำให้เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มซีไปพบกับฝรั่งเศส
ซาอุดีอาระเบีย 1-2 เม็กซิโก
(0-1 เฮนรี มาร์ติน น.47, 0-2 หลุยส์ ชาเวซ น.52, 1-2 ซาเลม อัล-เดาซารี น.90+5)
Gettyเกมสุดท้ายของกลุ่มซี แข่งขันในช่วง 2.00 น. ระหว่าง ซาอุดีอาระเบีย ลงเล่นที่สนามลูเซล สเตเดียม ในเมืองลูเซล ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ เม็กซิโก
ครึ่งแรกสกอร์ยังเสมอกันอยู่ 0-0 กระทั่งครึ่งหลังนาทีที่ 47 เป็นฝั่งของเม็กซิโกมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากลูกเตะมุมฝั่งซ้ายที่ หลุยส์ ชาเวซ เปิดมาเสาแรกให้ เซซาร์ มอนเตส โฉบมาดีดต่อเข้ากลางให้ เฮนรี มาร์ติน ตวัดยิงด้วยซ้ายจ่อ ๆ ไม่เหลือ
ถัดมานาทีที่ 52 เม็กซิโกมาได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 จากลูกฟรีคิกทาง หลุยส์ ชาเวซ ปั่นด้วยซ้ายโค้งเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม
ทว่าช่วงทดเวลานาทีที่ 90+5 ซาอุดีอาระเบียมาได้ประตูตีไข่แตกเป็น 1-2 จากจังหวะที่ ซาเลม อัล-เดาซารี ทำชิ่งกับ ฮัตตัน บาเฮบรี ก่อนที่ทาง อัล-เดาซารี จะได้หลุดไปแปด้วยขวาตุงตาข่าย
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นเม็กซิโกชนะ 2-1 แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการเข้ารอบ แม้ว่าพวกเขาจะมี 4 แต้มเท่ากับอันดับ 2 โปแลนด์ ทว่าผลต่างประตูได้เสียกลับเป็นรองนั่นเอง
