อาร์เจนตินา 1-2 ซาอุดีอาระเบีย
(1-0 ลิโอเนล เมสซี น.10 (จุดโทษ), 1-1 ซาเลห์ อัล-เชห์รี น.48, 1-2 ซาลีม อัล-เดาซารี น.53)
Gettyคู่แรกในช่วง 17.00 น. เป็นเกมแรกของกลุ่มซี ระหว่าง อาร์เจนตินา ลงเล่นที่สนามลูเซล สเตเดียมในเมืองลูเซล ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ ซาอุดีอาระเบีย
ครึ่งแรกเป็นฝั่งของอาร์เจนตินามาได้จุดโทษ ในนาทีที่ 10 จากจังหวะที่ เลอันโดร ปาเรเดส ไปโดนซาอุด อับดุลฮามิด เหนี่ยวรั้งตัวจนล้มลงไป ก่อนจะเป็น ลิโอเนล เมสซี รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ส่งให้ฟ้าขาวออกนำ 1-0
ครึ่งหลังกลายเป็นซาอุดีอาระเบียมาได้ประตูตีเสมอ ในนาทีที่ 48 จากจังหวะที่ฟิราส อัล-บูไรกาน ไหลบอลให้ซาเลห์ อัล-เชห์รี แตะบอลหลบ คริสเตียน โรเมโร แล้วยิงด้วยซ้ายอย่างเด็ดขาด ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1
ถัดมานาทีที่ 53 ซาอุดีอาระเบียทำช็อคโลก เมื่อเป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำ จากจังหวะที่ซาลีม อัล-เดาซารี ได้บอลทางกราบซ้ายแล้วลากหนีแนวรับอาร์เจนตินาตัดเข้ากลางก่อนยิงด้วยขวาเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม ช่วยให้ทีมจากเอเชียแซงนำ 2-1
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นซาอุดีอาระเบียชนะไปแบบพลิกล็อค 2-1 กลายเป็นทีมจากเอเชียทีมแรกที่คว้าชัยในฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จ
เดนมาร์ก 0-0 ตูนิเซีย
Getty Imagesคู่ที่สองในช่วง 20.00 น. เป็นเกมแรกของกลุ่มดี ระหว่าง เดนมาร์ก ลงเล่นที่สนามเอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดียม ในเมืองอัล รายยาน ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ ตูนิเซีย
เกมนี้กลายเป็นครั้งแรกของฟุตบอลโลก 2022 ที่จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 เมื่อทั้งสองทีมไม่สามารถยิงประตูกันได้เลย โดยเฉพาะฝั่งของเดนมาร์กที่แม้จะพยายามโหมบุกหนัก แต่ก็เจาะแนวรับตูนิเซียไม่สำเร็จ ทำให้กอดคอแบ่งกันไปทีมละแต้ม
เม็กซิโก - โปแลนด์
Crédito: Gettyคู่ที่สามในช่วง 23.00 น. เป็นเกมแรกของกลุ่มซี ระหว่าง เม็กซิโก ลงเล่นที่สนามสเตเดียม 974 ในกรุงโดฮา เมืองหลวงของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ โปแลนด์
เกมนี้กลายเป็นคู่ที่สองติดต่อกันที่จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 โดยที่ฝั่งของโปแลนด์พลาดโอกาสทองเมื่อได้จุดโทษในนาทีที่ 58 ทว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กลับยิงไปติดเซฟ กิเยร์โม โอชัว ผู้รักษาประตูจอมเก๋าอย่างน่าเสียดาย
ฝรั่งเศส 4-1 ออสเตรเลีย
(0-1 เคร็ก กู๊ดวิน น.9, 1-1 อาเดรียง ราบิโอต์ น.27, 2-1 โอลิวิเยร์ ชิรูด์ น.32, 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.68, 4-1 โอลิวิเยร์ ชิรูด์ น.71)
Getty Imagesคู่ปิดท้ายในช่วง 2.00 น. เป็นเกมแรกของกลุ่มดี ระหว่าง ฝรั่งเศส ลงเล่นที่สนามอัล จานูบ สเตเดียม ในเมืองอัล วาคราห์ ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ ออสเตรเลีย
ครึ่งแรกเป็นฝั่งของออสเตรเลียได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นาทีที่ 9 จากจังหวะที่แม็ทธิว เลคกี้ เปิดบอลทางกราบขวาลึกไปเสาไกลให้เคร็ก กู๊ดวิน แปด้วยซ้ายจ่อ ๆ ไม่เหลือ ส่งให้ซอคเกอรูส์ออกนำ 1-0
ทว่านาทีที่ 27 ฝรั่งเศสก็มาได้ประตูตามตีเสมอ จากจังหวะที่เตโอ แอร์กน็องเดซ เปิดบอลทางกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้ อาเดรียง ราบิโอต์ โหม่งตุงตาข่าย ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1
ถัดมานาทีที่ 32 ตราไก่มาได้ประตูพลิกขึ้นนำ จากความผิดพลาดของแนวรับออสเตรเลียที่ต่อบอลกันไม่ดีจนโดน อาเดรียง ราบิโอต์ ฉกบอลไปทำชิ่งกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แล้วทาง ราบิโอต์ ลากไปจ่ายถวายพานต่อให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แปด้วยขวาระยะเผาขนอย่างง่ายดาย ช่วยให้แชมป์เก่าแซงนำ 2-1และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังฝรั่งเศสมาบวกลูกสามเพิ่มได้อีก ในนาทีที่ 68 จากจังหวะที่ อุสมาน เดมเบเล เปิดบอลทางกราบขวาเข้ากลางให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เทกตัวโหม่งเช็ดเสาไกลเข้าไป ส่งให้ตราไก่หนีห่างเป็น 3-1
ต่อเนื่องด้วยนาทีที่ 71 ฝรั่งเศสมาได้ประตูที่สี่ฉีกหนีไปอีก จากจังหวะที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กระชกาบอลจนสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายแล้วเปิดเข้ากลางให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เทกตัวโหม่งอย่างเด็ดขาด เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ ช่วยให้แชมป์เก่านำห่าง 4-1 รวมถึงทำให้ ชิรูด์ ทาบสถิติดาวซัลโวตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศสเทียบเท่ากับ เธียร์รี อองรี ด้วยจำนวน 51 ประตูแล้วด้วย
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นฝรั่งเศสถล่มเอาชนะไปได้แบบขาดลอยถึง 4-1 เก็บสามแต้มได้สำเร็จ
