โมร็อกโก 1-0 โปรตุเกส
(1-0 ยุสเซฟ เอ็น-เนไซรี น.42)
Getty Imagesคู่ที่ 3 ของรอบ 8 ทีม แข่งขันในช่วง 22.00 น. ระหว่าง โมร็อกโก ลงเล่นที่สนามอัล ธูมามา สเตเดียม ในเมืองอัล ธูมามาของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ โปรตุเกส
ครึ่งแรกดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 42 เป็นฝั่งของโมร็อกโกมาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ยาเฮีย อัตติยัด-อัลลาห์ เปิดบอลทางกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้ยุสเซฟ เอ็น-เนไซรี โฉบมาโหม่งตัดหน้า ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูของโปรตุเกสตุงตาข่าย ส่งให้ทีมจากแอฟริกาออกนำ 1-0และจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังแม้ว่าโปรตุเกสจะส่งกองหน้าจอมเก๋าอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ ลงมาเป็นตัวสำรอง รวมถึงฝั่งโมร็อกโกไปเหลือ 10 คน ในช่วงทดเวลานาทีที่ 90+3 เมื่อทาง วาลิด เชดดิรา โดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป แต่สุดท้ายก็ไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้จบเกมเป็นโมร็อกโกชนะไป 1-0สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติจากแอฟริกาทีมแรกที่ทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก
อังกฤษ 1-2 ฝรั่งเศส
(0-1 ออเรเลียง ชูอาเมนี น.17, 1-1 แฮร์รี เคน น.54 (จุดโทษ), 1-2 โอลิวิเยร์ ชิรูด์ น.78)
Getty Imagesคู่สุดท้ายของรอบ 8 ทีม แข่งขันในช่วง 2.00 น. ระหว่าง อังกฤษ ลงเล่นที่สนามอัล บัยต์ สเตเดียมในเมืองอัล คอร์ ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ ฝรั่งเศส
เริ่มเกมได้ 17 นาที เป็นฝั่งของฝรั่งเศสมาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ อองตวน กรีซมันน์ ไหลบอลให้ออเรเลียง ชูอาเมนี ซัดไกลด้วยขวาพุ่งหนีมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด เสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด ส่งให้แชมป์เก่าออกนำ 1-0และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังอังกฤษมาได้จุดโทษ ในนาทีที่ 54 จากจังหวะที่ บูกาโย ซาก้า ไปโดนออเรเลียง ชูอาเมนี สกัดล้มลงไป ก่อนจะเป็น แฮร์รี เคน รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1
ทว่านาทีที่ 78 ฝรั่งเศสมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ อองตวน กรีซมันน์ เปิดบอลทางกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ โหม่งไปแฉลบ แฮร์รี แม็คไกวร์ เปลี่ยนทางเข้าไปตุงตาข่าย ช่วยให้ตราไก่นำอีกรอบ 2-1
ถัดมานาทีที่ 82 ผู้ตัดสินเช็ค VAR จังหวะที่ เมสัน เมาท์ ไปโดน เตโอ แอร์กน็องเดซ กระแทกล้มลมไป ก่อนชี้ขาดให้จุดโทษแก่อังกฤษอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ แฮร์รี เคน กลับซัดบอลโด่งข้ามคานออกไป
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นฝรั่งเศสชนะไป 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับโมร็อกโก
