ฝรั่งเศส 3-1 โปแลนด์
(1-0 โอลิวิเยร์ ชิรูด์ น.44, 2-0 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.74, 3-0 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ น.90+1, 3-1 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ น.90+9 (จุดโทษ))
Gettyคู่ที่ 3 ของรอบ 16 ทีม แข่งขันในช่วง 22.00 น. ระหว่าง ฝรั่งเศส ลงเล่นที่สนามอัล ธูมามา สเตเดียม ในเมืองอัลธูมามาของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ โปแลนด์
ครึ่งแรกเป็นฝั่งของฝรั่งเศสมาได้ประตูขึ้นนำ ในนาทีที่ 44 จากจังหวะที่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จ่ายทะลุช่องเข้าเขตโทษให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยิงด้วยซ้ายอย่างเฉียบคม กลายเป็นประตูที่ 52 แซงหน้า เธียร์รี อองรี ขึ้นเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของตราไก่คนใหม่แล้ว พร้อมส่งให้แชมป์เก่าออกนำ 1-0ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังนาทีที่ 74 ฝรั่งเศสมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ อุสมาน เดมเบเล ไหลบอลให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จับแล้วยิงด้วยขวาอย่างเด็ดขาด ช่วยให้แชมป์เก่าหนีห่างเป็น 2-0
ช่วงทดเวลนาทีที่ 90+1 ฝรั่งเศสมาได้ประตูที่สามเพิ่มเติมอีก จากจังหวะที่ มาร์กุส ตูราม ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ปั่นด้วยขวาโค้งเสียบสามเหลี่ยมเสาไกลอย่างสวยงาม เป็นลูกสองของเจ้าตัวในเกมนี้ด้วย ส่งให้แชมป์เก่านำห่าง 3-0
ถัดมานาทีที่ 90+9 ผู้ตัดสินเช็ค VAR จากจังหวะที่ คามิล โกรซิคกี้ เปิดบอลไปโดนแขนของดาโยต์ อูปาเมกาโน ก่อนเป่ษให้จุดโทษแก่โปแลนด์เพราะเป็นการทำแฮนด์บอล ก่อนจะเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ สังหารครั้งแรกไปโดน อูโก้ โยริส พุ่งรับติดมือ แต่ผู้ตัดสินให้ยิงใหม่อีกรอบเพราะเท้าของ โยริส ไม่ได้เหยียบเส้นประตู ซึ่งครั้งที่สอง เลวานดอฟสกี้ ก็ยิงเข้าไปไม่พลาด ทำให้โปแลนด์ตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นฝรั่งเศสชนะไป 3-1 ตีตั๋วเข้ารอบ 8 ทีมได้เป็นทีมที่สามต่อจากเนเธอร์แลนด์และอาร์เจนตินาได้สำเร็จ
อังกฤษ 3-0 เซเนกัล
(1-0 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.38, 2-0 แฮร์รี เคน น.45+3, 3-0 บูกาโย ซาก้า น.57)
Getty Imagesคู่ที่ 4 ของรอบ 16 ทีม แข่งขันในช่วง 2.00 น. ระหว่าง อังกฤษ ลงเล่นที่สนามอัล บัยต์ สเตเดียมในเมืองอัล คอร์ ของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ เซเนกัล
ครึ่งแรกดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 38 เป็นฝั่งของอังกฤษมาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ จู๊ด เบลลิงแฮม ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วิ่งสอดมาตวัดยิงด้วยซ้ายตุงตาข่าย ส่งให้สิงโตคำรามออกนำ 1-0
ช่วงทดเวลานาทีที่ 45+3 อังกฤษมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ ฟิล โฟเด้น ไหลบอลให้ แฮร์รี เคน ลากหลุดไปยิงด้วยขวาอย่างเด็ดขาด ช่วยให้อดีตแชมป์เมื่อปี 1966 หนีห่างเป็น 2-0และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังอังกฤษมาได้ประตูที่สามเพิ่มเติมอีก ในนาทีที่ 57 จากจังหวะที่ ฟิล โฟเด้น ไหลบอลทางกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้ บูกาโย ซาก้า แปด้วยซ้ายข้ามตัว เอดูอาร์ เมนดี้ ไม่เหลือ ส่งให้ทัพทรีไลออนส์นำห่าง 3-0
จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นอังกฤษชนะไป 3-0 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมไปพบกับแชมป์เก่าอย่างฝรั่งเศสได้สำเร็จตามความคาดหมาย
