เครือข่ายแมวมองของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือเป็นแถวหน้าของวงการลูกหนัง ที่ทำให้พวกเขาสามารถดึงดูดบรรดาดาวรุ่งฝีเท้าดีจากทั่วโลกเอาไว้ในมือได้อย่างมากมาย
อย่างไรก็ดี มีเพียง ฟิล โฟเดน เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เติบโตจากระดับอคาเดมีของทีม ขึ้นมาอยู่ในทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งกำลังพยายามจะเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยเสีย จาดอน ซานโช ซึ่งตัดสินใจอำลาเอติฮัด สเตเดียม ไปอยู่กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งกำลังจะเผชิญหน้ากับทีมเก่าของตัวเองในรอบก่อนรองชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยใหญ่แห่งเวทียุโรป
แทนที่จะรอโอกาสในทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา อย่างอดทน ซานโชกลับเลือกจะย้ายไปเล่นในบุนเดสลีกาเพื่อหาโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงในทันที และความสำเร็จของเขาในเยอรมันก็ทำให้ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือทางเลือกที่ถูกต้อง
และที่สำคัญ เขาไม่ใช่ดาวรุ่งดอร์ทมุนด์เพียงคนเดียวที่ทิ้งโอกาสกับซิตี้เพื่อมาแจ้งเกิดกับทีมเสือเหลือง
Getty Imagesจิโอวานนี เรย์นา คือแฟนบอลตัวยงของซิตี้ เช่นเดียวกับโฟเดน และเขาก็เผชิญการตัดสินใจในลักษณะเดียวกับซานโช ที่ต้องอำลาเครือข่ายของซิตี้ เพื่อหาโอกาสลงเล่นในสโมสรที่เห็นและเชื่อในศักยภาพของตัวเขามากกว่า
เรย์นา ตัดสินใจออกจาก นิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี หนึ่งในสโมสรในเครือ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป เพื่อไปอยู่กับดอร์ทมุนด์ และกลายเป็นดาวรุ่งน่าจับตาแถวหน้าของวงการฟุตบอลยุโรปเวลานี้
จิโอคือลูกชายของเคลาดิโอ เรย์นา อดีตกองกลางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติสหรัฐอเมริกา ทำให้เขาได้เข้าร่วมทีมอคาเดมีของนิวยอร์ค ซิตี้ เอฟซี ตั้งแต่ยังเด็ก และได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรปตั้งแต่เริ่มต้นโชว์ศักยภาพของเขาในทีมชาติรุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี
"ก่อนอื่นเลยคือผมเป็นพ่อ ผมจะให้การสนับสนุนเขา ไม่ว่าเขาจะอยากทำอะไร" เคลาดิโอ กล่าวกับ Goal ถึงการตัดสินใจของลูกชายที่ย้ายไปเล่นในต่างแดน "สำหรับนักเตะในวัย 14, 15 หรือ 16 เรื่องก็คือพวกเขาจะตัดสินใจด้วยตัวเอง พวกเขาจะเปิดรับทุกๆ อย่าง แล้วรอดูก่อน"
จิโอ ถือเป็นแฟนบอลของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาตั้งแต่ยังเด็ก เขาเกิดที่ซันเดอร์แลนด์ ตอนที่พ่อของเขาค้าแข้งอยู่ที่นั่น ก่อนที่จะย้ายมาอยู่แมนเชสเตอร์พร้อมครอบครัว ตอนที่พ่อของเขาย้ายทีมมาอยู่กับเรือใบสีฟ้า
นั่นคือตอนที่เขาเริ่มซึมซับความเป็นแฟนบอลซิตี้เข้าไปอยู่ในสายเลือด ความทรงจำต่อประตูที่เซร์คิโอ อเกวโร พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรก ยังคงเป็นช่วงเวลาที่เขาประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้
Getty Imagesอย่างไรก็ดี เรย์นากลับเลือกที่จะปฏิเสธสโมสรรักของเขา และเดินตามรอยบิดา (เคยเล่นให้ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน และโวล์ฟส์บวร์ก ตอนที่ยังอายุน้อยๆ) ด้วยการไปค้าแข้งในเยอรมันกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก่อน
เหตุผลสำคัญคือ จิโอ ได้เห็นการพัฒนาของคริสเตียน พูลิซิช ซูเปอร์สตาร์ของสหรัฐ ซึ่งแจ้งเกิดกับทีมเสือเหลืองตั้งแต่อายุ 18 ปี เขาเลยตัดสินใจที่จะเดินทาง 3,500 ไมล์จากบ้าน เพื่อมาอยู่สโมสรเดียวกับเพื่อนร่วมทีมชาติของเขา และกาลเวลาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาดเลย
ด้วยวัย 18 ปี เรย์นาได้ลงสนาม 54 นัดให้ทีมชุดใหญ่ของดอร์ทมุนด์ แถมยังติดทีมชาติไปแล้ว 4 นัด ยิงได้ 2 ประตู
"ผมคิดว่าตอนที่ผมอายุสัก 14 หรือไม่ก็ 15 ในตอนนั้น ที่ผมรู้ว่ามีโอกาสที่ผมจะได้ไปเล่นในยุโรป แล้วผมก็เลือกมาอยู่ที่นี่ คริสเตียน (พูลิซิช) เองก็อยู่ที่นี่ในตอนนั้น ทุกอย่างที่เขาทำมันฝังอยู่ในหัวผมว่า ผมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จกับที่นี่"
"ทุกอย่างเกี่ยวกับดอร์ทมุนด์ โอกาสที่พวกเขามี การให้ดาวรุ่งได้ลงเล่นตั้งแต่อายุน้อยๆ ให้ได้เล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก และการแข่งขันรายการใหญ่ๆ ทุกรายการ พวกเขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตั้งแต่วันแรก ทำให้ผมรู้สึกว่าผมอยากจะอยู่ที่นี่ มันเลยเป็นการตัดสินใจที่สมบูรณ์แบบจนถึงตอนนี้"
การเป็นส่วนหนึ่งของ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ตั้งแต่อายุน้อยๆ สำหรับทีมแมนฯ ซิตี้ พวกเขาคงรู้สึกเหมือนกับว่าเสียดาวรุ่งคนสำคัญไป
แต่สำหรับเรย์นา มันคือโอกาสสำคัญ ที่ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป ด้วยความเร็ว, การทำประตู และคุณภาพในการจ่ายคิลเลอร์พาส ทำให้หลายคนจับตามองการเติบโตของเขาอย่างใกล้ชิด
และการไปเยือนเอติฮัด สเตเดียม ในวันอังคารนี้ ก็คืออีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่เขาจะได้แสดงฝีเท้าว่าพร้อมที่จะก้าวขึ้นไปเป็นท็อปสตาร์ในอนาคตมากน้อยเพียงใด
