ในทีมเซเรโซ โอซาก้าตอนนี้ มีนักเตะท้องถิ่นที่เติบโตมาจากอคาเดมีของสโมสรถึง 7 ราย และคราวนี้เราจะมาคุยกับสามคนจากจำนวนนั้น คือ คาเครุ ฟุนากิ, ฮิโรโตะ ยามาดะ และฮินาตะ คิดะ
ก่อนอื่นเลย บอกเราหน่อยว่าพวกคุณเริ่มเล่นฟุตบอลได้อย่างไร?
ฟุนากิ:เป็นคำแนะนำของพ่อ ตอนที่ผมเตะลูกสนด้วยเท้าซ้ายระหว่างไปเที่ยวกับครอบครัว ผมก็มาคิดว่า บางทีผมอาจจะใช้เล่นฟุตบอลได้นะ (หัวเราะ)
ยามาดะ:มันเป็นตอนประถมที่เด็กๆ จบมาจากอนุบาลหลายๆ แห่ง แล้วผมมองจากคนละโรงเรียนกัน พ่อแม่ของผมก็เลยกังวลว่าผมจะหาเพื่อนได้ไหม ผมก็เลยเข้าทีมฟุตบอลเหมือนคนอื่นๆ เพื่อที่จะได้มีเพื่อน
คิดะ:มีเพื่อนมาชวนให้ผมเข้าโรงเรียนเซเรโซ ตอนที่ผมยังอยู่อนุบาล
คิดะ กับฟุนากิ เคยมาอยู่โรงเรียนเซเรโซตั้งแต่ยังเด็ก พวกคุณจำได้ไหมว่าเจอกันครั้งแรกตอนไหน?
ฟุนากิ:ตอนที่ผม ป.6 ส่วนคิดะอยู่ ป.4 เราอยู่ห้องเดียวกันตอนเข้าค่ายซ้อม แต่ผมจำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากว่าคิดะเล่นเป็นประตู (หัวเราะ)
คิดะ:คือผมต้องเล่นเพราะไม่มีใครเป็นผู้รักษาประตูเลยในพวกรุ่นพี่
ส่วนยามาดะ คุณเข้ามาตอน ยู-18 ใช่ไหม?
ยามาดะ:ใช่ ผมเข้ามาฝึกซ้อมก็เพราะว่าสต๊าฟฟ์ในทีม ม.ต้น ของเรารู้จักกับคุณยูจิ โอคุมะ (ผู้อำนวยการอคาเดมี) ตอนเรียนมหาวิทยาลัย สิ่งที่ผมจำได้แม่นเลยคือตอนซ้อมวิ่งรอบสุดท้าย ผมตามไม่ทันเลย ผมนึกว่าผมจะตกแล้ว แต่ก็ดีใจที่พวกเขามาเชิญผมไป

คุณคิดว่าได้เรียนรู้อะไรจากที่นี่บ้าง รวมถึงการได้เป็นนักเตะอาชีพ?
คิดะ:ผมว่ามันช่วยสร้างรากฐานให้เรา ผมคิดว่ามันคือทั้งหมดเลย
ยามาดะ:ผมมาจากทีม ม.ปลาย แต่สภาพแวดล้อมที่นี่ดีมาก ทีมชุดใหญ่ฝึกซ้อมอยู่ใกล้ๆ เรา และผมก็มีโอกาสได้เล่นให้ทีม ยู-23 มันทำให้ผมชินกับทีมชุดใหญ่ได้ง่ายขึ้น พอมาอยู่กับสโมสร สภาพแวดล้อมทั้งหมดมันเปลี่ยนไปทันที ผมตั้งใจเลยว่าผมจะเป็นมืออาชีพตั้งแต่ตอนนั้น
ฟุนากิ:การได้ไปเปิดหูเปิดตาที่ต่างประเทศก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ตอนอยู่ ม.5 ผมได้ไปเยอรมัน และได้เล่นกับทีมท้องถิ่นที่นั่น ผมยังได้ไปดูเกมดอร์ทมุนด์ สมัยนั้นเป็นตอนที่ชินจิ คางาวะกำลังเล่นอยู่ ความรู้สึกว่าผมอยากจะไปเล่นนั่นมันเพิ่มขึ้นมาก ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ได้ขึ้นมาอยู่ชุดใหญ่ หลังจากตั้งเป้าเอาไว้สูงแบบนั้น
มันจะมีตอนที่พวกคุณได้ไปเล่นให้สโมสรอื่นด้วยสัญญายืมตัวด้วยใช่ไหม เป็นอย่างไรบ้าง
คิดะ:ผมไปอยู่กับ อวิสปา ฟูกูโอกะ ตอนอยู่ปีแรก ในตอนนั้น โจโก ฮิซาชิ และโมริโมโตะ ทาคายูกิ อยู่ที่นั่นด้วย ผมได้เรียนรู้จากนักเตะชั้นนำ รวมถึงการเตรียมตัวจากฝึกซ้อม ผมคิดว่ามันเป็นปีที่ดีมาก
ยามาดะ กับ ฟุนากิ ก็เคยมีประสบการณ์กับสองสโมสร
ยามาดะ:ตอนแรกผมไปอยู่กับ เอฟซี ริวกิว ผมไม่รู้จักสโมสรอื่น ผมเลยคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ได้รู้ การได้เล่นกับชินจิ โอโนะ เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับผม ผมยังได้เล่นกับ ซาโตชิ อุเอโช มันสนุกมากๆ ที่เซนได ประสบการณ์เล่นใน เจ 1 เป็นเรื่องสำคัญมากๆ
ฟุนากิ:ผมเคยไปเล่นให้ จูบิโล อิวาตะ และเอสซี ซางามิฮาระ จูบิโลคือตอนเริ่มต้นโควิด มันเป็นปีที่ยากมากๆ เพราะผมออกไปกินอาหารข้างนอกไม่ได้เลย ส่วนการเล่นให้ซางามิฮาระเมื่อปีที่แล้วก็แตกต่างจากเซเรโซกับจูบิโลมาก ผมไม่ค่อยได้เล่นมากนัก ผมก็เลยถูกส่งกลับมาอยู่กับเซเรโซในตอนนั้น

อะไรคือแรงผลักดันของคุณในฐานะนักฟุตบอล?
ยามาดะ:ผมมีความคาดหวังกับตัวเอง ถ้าคุณไม่คาดหวังกับตัวเอง คุณก็จะโชว์ฟอร์มในระดับสูงไม่ได้ คุณจะทำผลงานได้ไม่ดีพอ
การคาดหวังมากเกินไปก็อาจจะทำให้คุณเดินผิดทิศทางได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเชื่อในศักยภาพของตัวเอง และบอกว่า ผมยังทำได้มากกว่านี้
คิดะ:ผมอยากจะกลายเป็นนักเตะที่เป็นไอดอลของคน ตอนที่ผมยังเด็ก ผมชอบคางาวะมาก เขาเคยมาที่โรงเรียนและถ่ายรูปกับผม ผมอยากเป็นนักฟุตบอลที่คนตั้งเป้าหมายเอาไว้
ฟุนากิ:เนื่องจากผมเล่นฟุตบอลอย่างเดียวมานาน มีหลายที่ที่ผมเอาแต่เล่นฟุตบอล ผมอยู่กับเซเรโซมาตั้งแต่อนุบาล แรงผลักดันของผมก็เลยเป็นความรักที่มีต่อเซเรโซครับ (หัวเราะ)
ยามาดะ:พูดได้ดี :)
คำถามสุดท้าย เล่าให้เราฟังถึงเป้าหมายในอนาคตของพวกคุณหน่อย
ยามาดะ:มันคือการทำให้ทุกคนรู้จัก ตอนนี้ผมกลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพแล้ว ผมไม่อยากจะเลิกเล่นไปโดยที่ไม่มีใครรู้จักผม ผมอยากจะทำประตูในเกมสำคัญๆ ผมอยากจะเป็นนักเตะที่สร้างความประทับใจตลอดทั้งฤดูกาล ด้วยการเก็บชัยชนะและคว้าแชมป์มาให้ได้
คิดะ:ในอนาคต ผมอยากจะเป็นนักเตะที่ทำได้ทุกๆ อย่าง เป้าหมายของผมคือการเป็นนักเตะที่พาทีมชนะได้
ฟุนากิ:มันอาจจะดูใหญ่ไปหน่อยนะ แต่ผมอยากจะเป็นนักเตะที่ทำได้ในทุกๆ ตำแหน่ง เป็นนักเตะที่ทำผลงานในระดับสูงได้ในว่าจะอยู่ตรงไหน นั่นคือเป้าหมายในอนาคตของผม นอกจากนั้นก็มีการพาเซเรโซคว้าแชมป์เจลีกให้ได้

