Josh McEachran Chelsea Real Madrid GFXGetty/Goal

เกิดอะไรขึ้นกับ จอช แม็คเอคราน? จากเคยเมินเรอัล มาดริด สู่นักเตะที่ไม่รู้อนาคตของตัวเอง

เพียงประมาณ 10 ปี หลังออกจากเชลซี กุสตาโว โปเยต์ กลับมาสู่แถบลอนดอนตะวันตก เพื่อคุมทีมลงแข่งในสแตมฟอร์ด บริดจ์ และเหมือนเช่นทุกๆ คนในสนามวันนั้น เขาตะลึงไปกับผลงานของดาวรุ่งวัย 17 ปี ที่เพิ่งขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ได้ไม่นานนัก

"ทั้งสนามต่างก็พูดกันถึงจอช แม็คเอคราน หลังจบเกม" อดีตแข้งสิงห์บลูให้สัมภาษณ์กับ Goal "คนพูดกันว่าเขาจะเป็นเฟร์นานโด เรดอนโด้ หรือเป๊ป กวาร์ดิโอลา คนใหม่

"แต่โชคร้ายที่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น แม้ว่าเขาจะทำได้ดีในแชมเปี้ยนชิพก็ตาม"

อ่านบทความต่อด้านล่าง

ความตื่นตะลึงในฝึเท้าของแม็คเอครานตอนนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงเลย เขาเป็นตัวสร้างสรรค์เกมที่มีทั้งทักษะในการจ่ายบอลและวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม เขาได้รับเสียงชื่นชมมาจากโค้ชทุกคนที่เคยทำงานกับเขาตอนเป็นดาวรุ่ง ไม่ว่าจะเป็นเบรนแดน ร็อดเจอร์ส, เรย์ วิลกินส์, สจ๊วต เพียร์ซ หรือปีเตอร์ บอสซ

หลายคนคาดหวังว่าเขาจะกลายเป็นตำนานแห่งสแตมฟอร์ด บริดจ์ และอาจได้เป็นกัปตันทั้งในระดับชาติรวมถึงสโมสร กลับกลายเป็นว่า ตอนนี้เขาเป็นนักเตะไร้สังกัด และยังไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองจะไปค้าแข้งอยู่ที่ไหน หลังหมดสัญญาระยะสั้นๆ กับเอ็มเค ดอนส์ ในลีกวัน สโมสรสุดท้ายของเขา

แม็คเอครานย้ายมาอยู่เชลซีตอนอายุเพียง 7 ปี และก้าวสู่ทีมเยาวชนอย่างรวดเร็ว มีส่วนพาทีมได้แชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ เมื่อปี 2009-10 ซึ่งเป็นความสำเร็จแรกของสโมสรในรุ่นนี้ในรอบ 50 ปี

นอกจากนี้ เขายังติดทีมชาติอังกฤษมาทุกระดับตั้งแต่รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี จนถึงไม่เกิน 21 ปี 

Josh McEachranGetty

ตอนเป็นดาวรุ่ง แม็คเอครานมีไอดอลลูกหนังเป็นบรรดากองกลางแถวหน้าของวงการลูกหนังในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็นซีเนดีน ซีดาน, อันเดรส อิเนียสต้า หรือแฟรงค์ แลมพาร์ด

"ซีเนดีน ซีดาน เขามีทุกๆ อย่าง ทั้งประตู การสัมผัสบอล เขาเป็นมิดฟิลด์ที่ครบเครื่อง ตอนนี้เขาแขวนสตั๊ดไปแล้ว ผมก็เลยมองที่แฟรงค์ แลมพาร์ด และอันเดรส อิเนียสต้า แทน" แม็คเอครานกล่าวหลังเกมกระชับมิตรของเชลซีเมื่อปี 2011

คาร์โล อันเชล็อตติ เฮดโค้ชของเชลซีในตอนนั้น เห็นศักยภาพในตัวของแม็คเอคราน และให้โอกาสดาวรุ่งรายนี้ประเดิมสนามในเดือนกันยายน 2010 เขาได้ลงสนามในทีมชุดใหญ่รวมทั้งสิ้น 17 นัด ตลอดฤดูกาล 2010-11 เซ็นสัญญา 5 ปี กับสโมสรในหน้าร้อนนั้น แต่เขากลับได้ลงสนามเพียง 5 นัดให้สิงห์บลูในช่วงเวลาดังกล่าว

แม้อันเชล็อตติจะเชื่อในแม็คเอครานอย่างมาก แต่อังเดร วิลลาส โบอาส คนที่มาสานต่องานของกุนซือชาวอิตาเลียนไม่ได้คิดเช่นนั้น

นักเตะที่เกิดแถวอ็อกซ์ฟอร์ดเริ่มกลายเป็นตัวสำรองในทีมชุดใหญ่ และโดนปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปใช้งานอย่างต่อเนื่อง แม้วิลลาส โบอาส จะอยู่ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่นาน แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ดาวรุ่งสักคนจะแจ้งเกิดในสโมสรอย่างเชลซี ซึ่งเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมเป็นว่าเล่น

ตลอดช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเชลซี เขาต้องอยู่ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมหลายคน ไล่ตั้งแต่ อันเชล็อตติ, วิลลาส-โบอาส, โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ, ราฟาเอล เบนิเตซ และโชเซ มูรินโญ ทุกครั้งที่แม็คเอครานกลับมาจากยืมตัว เขาจะต้องเจอผู้จัดการทีมคนใหม่รอเขาอยู่ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทุกครั้งไป

โค้ชทุกคนต่างก็มีแผนและไอเดียของตัวเอง และด้วยแนวทางของสโมสร พวกเขาจำเป็นต้องประสบความสำเร็จให้ได้เร็วที่สุด ทำให้การเปิดโอกาสให้นักเตะดาวรุ่ง เป็นเรื่องท้ายๆ ที่พวกเขาคิดจะทำ

ผลงานในช่วงยืมตัวของเขาก็มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเป็นดาวรุ่งแห่งปีกับมิดเดิลสโบรห์ ในฤดูกาล 2012-13 ได้เล่นในรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ กับวีแกน เมื่อปี 2014 ขณะเดียวกัน เขาก็เคยเป็นตัวสำรองอดทนในทีมสวอนซี และเคยเจอปัญหาอาการบาดเจ็บ ตอนอยู่กับวัตฟอร์ด

Josh McEachran ChelseaGetty

ในที่สุด เขาก็หลุดพ้นจากวงจรโดนปล่อยยืมที่ค็อบแฮม และเซ็นสัญญากับเบรนท์ฟอร์ด ซึ่งเขาได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ 101 นัด ตลอด 4 ปี และเป็นตัวจริงเสมอเวลาที่ฟิตสมบูรณ์ แต่อาการบาดเจ็บก็มักจะเข้ามารบวนเขาอยู่เสมอ

หลังออกจากเบรนท์ฟอร์ด เขาย้ายไปเล่นให้เบอร์มิงแฮมในแชมเปี้ยนชิพแบบไม่มีค่าตัว และเจออาการเจ็บเข่าเล่นงานอย่างหนักจนต้องพักไปถึง 1 ปีเต็มๆ แม้ว่าก่อนหน้านั้นกำลังจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาตกลงแยกทางกับสโมสรด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย หลังจากที่ถูกดร็อปจากทีมชุดใหญ่ และได้เซ็นสัญญากับเอ็มเค ดอนส์ในระยะสั้นๆ จนสิ้นสุดฤดูกาลที่ผ่านมา หลังจากไปทดสอบฝีเท้าและฝึกซ้อมเรียกความฟิตอยู่ที่นั่นสักระยะหนึ่ง

ก่อนที่จะถึงตรงนี้ สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดสำหรับแม็คเอคราน อาจจะเป็นตอนที่เขาอายุ 16 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เรอัล มาดริด เคยแสดงความสนใจว่าอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม

"ตอนผมอายุ 16 ปี ผมอยู่ที่เชลซี แล้วเอเยนต์ก็มาบอกผมว่า เรอัล มาดริด อยากได้ตัวผม มันเหลือเชื่อมากๆ ว่าไหม ตอนที่อายุเท่านั้นเอง" แม็คเอครานเคยเล่าถึงเรื่องนี้ทาง Daily Telegraph เมื่อปี 2017

"ผมมีโอกาสจะได้ย้ายไปเรอัล มาดริด หรือแมนฯ ยูไนเต็ด เรอัล มาดริด ติดต่อผมมา พวกเขาอยากให้ทั้งครอบครัวของผมบินไปที่นั่น แต่ผมตอบปฏิเสธไป เพราะผมอยากอยู่กับเชลซี ผมเป็นแฟนเชลซี

"ผมเชื่อว่าผมจะทำได้ ภายใต้การคุมทีมของคาร์โล ผมได้ประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ ตอนนั้นผมบอกตัวเองว่า ผมเลือกถูกที่ตอบปฏิเสธเรอัล มาดริด ไป แต่พอมองย้อนกลับไป ตอนนั้นบางที ผมน่าจะตอบตกลงมากกว่า"

มันคือจุดเปลี่ยนที่ไม่มีใครรู้ จากการปฏิเสธเรอัล มาดริด สู่อนาคตที่ยังไม่แน่นอนในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง นี่อาจจะเป็นเรื่อง "ถ้าหากว่า..." ที่น่าคิดที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุคนี้ทีเดียว

โฆษณา