Arsene Wenger

OPINION: อาร์แซน เวงเกอร์ - มาก่อนกาล อยู่นานเกินบอกลา

Merci Arsene คือคำที่อาร์เซนอลเลือกใช้ในแถลงอำลาตำแหน่งของอาร์แซน เวงเกอร์ - หลังจาก 22 ปีที่ยาวนาน ไม่มีคำไหนจะเหมาะไปกว่าคำที่แปลว่า ‘ขอบคุณ’ คำนี้อีกแล้ว

ไม่เพียงสโมสร แม้แต่แฟน ๆ ไอ้ปืนใหญ่เอง ไม่ว่าจะเคยมีสิ่งใดในใจเป็นหมื่นล้านคำ วันนี้คงเหลือเพียงคำเดียวให้กับชายผู้มีตัวอักษรกว่าครึ่งในชื่อเป็นชื่อสโมสร และทุ่มเทกว่าครึ่งในชีวิตการทำงานไปกับคลับเสื้อแดงแขนขาวแห่งลอนดอน

คุณูปการของอดีตกุนซือนาโงยา แกรมปัส ไม่ได้มีต่ออาร์เซนอลเพียงสโมสรเดียว แต่เขาคือผู้แนะนำ ‘ฟุตบอลสมัยใหม่’ ให้กับเกาะอังกฤษอย่างแท้จริง เวงเกอร์เปลี่ยนอาร์เซนอลจากทีมที่ยืดอกเล่นเกมน่าเบื่อหน่ายเพราะผลงานพอจะใช้ได้ ให้กลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันด้วยฟุตบอลที่รวดเร็ว ดุดัน สวยงาม รวมไปถึงการวางระเบียบวินัย ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเพิ่มศักยภาพให้กับผู้เล่น ก่อนโลกจะรู้จักคำนี้เสียด้วยซ้ำ

อ่านบทความต่อด้านล่าง
2018-04-20-wenger

ภาพนักฟุตบอลเมาหัวราน้ำค่อย ๆ หายไปจากพรีเมียร์ลีกเมื่อทีมอื่น ๆ ขานรับพัฒนาการของไอ้ปืนโตด้วยการยกระดับความเป็นมืออาชีพตามกันมา ลีกที่เต็มไปด้วยการสาดบอลให้คนสูงใหญ่แย่งกันโหม่ง ค่อย ๆ น่าดูน่าชมขึ้นด้วยอิทธิพลความสำเร็จของกันเนอร์ส ในวันเวลาหนึ่ง พูดได้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนของทีมใด คุณจะเป็นแฟนของฟุตบอลแบบอาร์เซนอล

ไอ้ปืนโตเติบใหญ่เป็นทีมระดับยุโรปและระดับโลกได้จริง ๆ ในช่วงเวลาของเวงเกอร์ ทีมขยับขยายไปถึงขั้นสร้างสนามเอมิเรตส์อันโอ่อ่า ขึ้นมาทดแทนไฮบิวรีที่แม้บรรยากาศจะเข้มข้นขึงขัง แต่ก็เล็กเกินไปเสียแล้ว และหากไม่ใช่ความรักในสโมสร การจะขานรับนโยบายลดงบประมาณทำทีมเพื่อสร้างสนามใหม่ แต่ก็ต้องรักษาระดับผลงานไว้ให้ได้นั้น คงเป็นทางเลือกที่ผู้จัดการทีมอาชีพ อยู่และตายบนผลงานในสนามนั้น ไม่มีทางเอาด้วย

ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้นี้ เวงเกอร์ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี - เป็นเวลาหลายปีก่อนเขาจะถูกขับไล่ไสส่ง

ช่วงหลายปีหลัง ไม่ว่าคุณจะเกี่ยวข้องกับอาร์เซนอลในทางใด ย่อมมีบรรยากาศอึดอัดอึมครึมอยู่ในใจไม่น้อย เมื่อชายผู้ปฎิวัติเปลี่ยนปืนโตสู่ยุคใหม่ กลายเป็นทางตันไม่ให้สโมสรไปต่อได้ ด้วยการไม่ยอมเปลี่ยนตัวเอง

ทั้งสโมสร ทั้งแฟน ๆ ผู้เล่นในอดีตหรือปัจจุบัน ความรักและเคารพนั้นมีให้เวงเกอร์อย่างท่วมท้น การออกมาวิจารณ์ ไปจนก่นด่าขับไล่คนที่เป็นเหมือน ‘บิดา’ แห่งอาร์เซนอลสมัยใหม่ จะเสียดแทงแตกร้าวในใจเพียงใด คนนอกอย่างผู้เขียนไม่อาจจินตนาการ - แต่ด้วยสภาพความถดถอยของสโมสร มันบีบคั้นให้ทุกฝ่ายต้องเคลื่อนไหว

wenger out arsenal fansGetty

ความรู้สึกของเวงเกอร์ ก็เป็นอีกเรื่องที่ผู้เขียนสุดจะจินตนาการ รู้แต่เพียงต้องไม่ดีไปกว่าทุกคนที่กล่าวมาข้างต้น

ในวันเวลาหนึ่ง ฟุตบอลของเวงเกอร์ถูกเรียกว่า ‘สมัยใหม่’ แต่วันนี้กลายเป็นของเก่าที่ถูกถอดรื้อแก้ทางจนหมดสิ้น - ฟังดูปวดร้าวแต่ก็เป็นสัจธรรมอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรจะใหม่โดยไม่เก่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่มีสิ่งใดหนีพ้น

ผลงานของเวงเกอร์ในขวบปีหลัง เป็นเหตุเป็นผลเกินพอจะปลดเขาออกจากตำแหน่ง ติดแต่ว่าเขา ‘ยิ่งใหญ่’ เกินกว่านั้น เขาไม่ใช้เพียงผู้จัดการทีมคนหนึ่ง ลูกจ้างคนหนึ่งของสโมสร แต่อาร์เซนอลยุคปัจจุบันไม่ต่างกับลูกชายที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่ตั้งไข่ จนเติบใหญ่เป็นหนุ่มฉกรรจ์ 

สิ่งที่สโมสรทำได้ มีเพียงรอให้เขาเดินลงจากตำแหน่งนั้นเอง - เพื่อเห็นแก่อนาคตของลูกชาย

นี่คือกับดักที่น่ากลัวของทุกองค์กร เมื่อใครคนหนึ่งยิ่งใหญ่จนไม่อาจประเมินวัดด้วยผลงานตรงหน้า จนมีแต่ตัวเขาเองที่สามารถกำหนดฉากจบของตัวเองให้เหมาะสม สวยงาม หรือเดินหน้าสู่ความล่มสลายของสิ่งที่สร้างมา กอดเกี่ยวอดีตไว้เหมือนเป็นวิญญาณ ที่ทุกข์ทรมาน ไม่รู้ว่าตัวตาย

Arsene Wenger, Arsenal

ผู้ยิ่งใหญ่จำเป็นต้องรู้ด้วยตัวเองว่าควรยุติบทบาทในแดนหน้าเมื่อใด วงปีประสบการณ์ล้วนแลกมากับองค์ความรู้ที่ทะยอยหมดอายุไป เมื่อถึงจุดที่ถือประสบการณ์ไว้มากกว่าก็ควรถอยมาเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่ผู้มาใหม่ และจำเป็นต้องรู้ได้เอง เพราะคงไม่มีใครแก่ประสบการณ์พอจะแนะนำกันได้

ที่แอนฟิลด์ เคนนี ดัลกลิช ไม่ใช่อดีตนักฟุตบอล แต่ผู้คนเรียกเขาว่า ‘คิง เคนนี’ เมื่อวันที่ลิเวอร์พูลตัดสินใจแต่งตั้งเขาขึ้นมาคุมทีมอีกครั้ง แทนรอย ฮอดจ์สัน ที่ผลงานย่ำแย่ ดัลกลิชพาทีมลุยขึ้นมาจากอันดับ 12 จบอันดับ 6 อย่างน่าชื่นชม

แม้รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เหมาะกับฟุตบอลยุคใหม่ แต่ด้วยความฮึกเหิมในผลงาน ‘เคดี’ ประกาศว่าต้องการคุมทีมต่ออย่างถาวร ลิเวอร์พูลเสนอสัญญาให้สามปี เป้าหมายคือไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก กุนซือดีกรีแชมป์ดิวิชัน 1(เดิม) สามสมัย คว้าแชมป์ลีกคัพ โทรฟีแรกในรอบ 6 ปี แต่ในลีกพวกเขาจบอันดับ 8 ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 1994 และต่ำกว่าเป้าหมายที่ระบุในสัญญา สโมสรไม่มีทางเลือกนอกจากปลดตำนานตัวเองออกจากตำแหน่ง

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กำลังอยู่ในช่วงฮันนีมูนกับเจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหนุ่มผู้เข้ามากอบกู้เสือเหลืองจากทีมจบครึ่งล่างของตาราง ให้ท้าทายอำนาจบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกาสองสมัยติด แม้จะหลุดเป็นรองแชมป์ในฤดูกาล 2012-13 แต่คล็อปป์ก็ยังได้สัญญาใหม่เป็นเวลา 4 ปี

Jürgen Klopp Arsene Wenger Liverpool Arsenal 12012016Getty

ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าฤดูกาล 2014-15 ดอร์ทมุนด์จะกลายเป็นเสือป่วย ผลงานตกต่ำตลอดฤดูกาล แฟนบอลเดือดดาลกับบรรดานักเตะ แต่หาได้ยากที่ใครจะกล่าวโทษคล็อปป์ ผู้มา‘ปฎิวัติ’ดอร์ทมุนด์ให้ลืมตาอ้าปากได้

แต่เมื่อถึงเดือนเมษายน เป็นคล็อปป์เองที่ตั้งโต๊ะแถลงว่าจะลาออกหลังจบฤดูกาล

“ผมเชื่อว่าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องการการเปลี่ยนแปลง ปัญหาใหญ่ของเราก็คือ ถ้าผมยังอยู่ที่นี่ เราจะตัดสินกันด้วยความสำเร็จในอดีตเสมอ” คล็อปป์กล่าวในห้องแถลง

ถึงวันนี้ หมื่นล้านความขมขื่นในหัวใจกูนเนอร์ส แปรไปเป็นคำว่า ‘ขอบคุณ’ หมดสิ้น ขอบคุณที่เปลี่ยน ขอบคุณที่สร้าง ขอบคุณทุกความสำเร็จ ขอบคุณทุกสิ่งตลอดมา

และขอบคุณที่ทำให้ทุกคนได้บอกลาเขาอย่างสวยงามเสียที

Merci Arsene

Arsene WengerPaddy Power
โฆษณา