ANALYSIS : อังกฤษจะจัดทัพอย่างไร หากได้ 5 กุนซือพรีเมียร์ลีกเป็นโค้ช?
ทีมชาติอังกฤษของแกเร็ธ เซาธ์เกต กำลังอยู่ในช่วงที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่ใช่น้อย
ความพ่ายแพ้ต่อเบลเยียม 2-0 ในยูฟ่า เนชันส์ ลีก เมื่อวันอาทิตย์ ทำให้เกิดคำถามต่อความสามารถในการจัดทีมของกุนซือวัย 50 ปี ที่ยังคงยึดมั่นในแผน 3-4-2-1 และเน้นการเล่นแบบไดเรคต์เป็นหลัก ว่ายังคงเหมาะสมกับทัพทรีไลออนส์มากน้อยแค่ไหน
แล้วถ้าไม่ใช่เซาธ์เกต ใครจะมาคุมทีม? และถ้าเป็นคนคนนั้น ทีมชาติอังกฤษจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน
โกล ประเทศไทย ลองจัดแผนของ 5 ยอดกุนซือชั้นนำของพรีเมียร์ลีกมาให้ดูกัน...
เป๊ป กวาร์ดิโอลา
กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นคนที่เน้นการครอบครองบอลเป็นหลัก และนิยมใช้เพลย์เมกเกอร์สองคนในแดนกลางคอยสร้างสรรค์เกม
ส่วนในแผงหลัง เป๊ปก็เป็นคนที่ชื่นชอบฟูลแบ็คที่เล่นเกมรุกได้ดี รวมถึงอาจขยับเข้ามายืนเป็นกองกลางได้ในบางครั้งคราวตามแท็กติกที่เป๊ปต้องการ
ขณะที่ในแดนหน้า เป๊ปจะใช้ปีกสองฝั่งคอยโจมตี โดยมีกองหน้าที่อาจจะถอยลงมาเชื่อมเกมได้ดีคอยประคองเกมไปพร้อมกันด้วย
ในตำแหน่งผู้รักษาประตู เป๊ป กวาร์ดิโอลา มักจะเลือกมือกาวที่นิ่งและเยือกเย็น ทำให้ดีน เฮนเดอร์สัน อาจจะได้เปรียบจอร์แดน พิคฟอร์ด อยู่สักเล็กน้อย
เยอร์เกน คล็อปป์
กุนซือลิเวอร์พูล คือโค้ชที่ชอบเกมที่ดุดัน รวดเร็ว และเน้นการจู่โจมมากกว่ากวาร์ดิโอลา
เขานิยมแผน 4-3-3 เช่นเดียวกับ เป๊ป แต่มักจะเน้นมิดฟิลด์ที่ขยัน คอยไล่บี้กดดันคู่แข่ง มากกว่าจะเป็นตัวสร้างสรรค์เกมและครองบอลเหมือนกุนซือแมนฯ ซิตี้
ส่วนในแผงหลัง แน่นอนว่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ น่าจะเป็นตัวเลือกหลักในแบ็คขวา ส่วนทางด้านแบ็คซ้าย เบน ชิลเวลล์ ที่เล่นได้ดีกับเชลซี คือคนที่มีโอกาสได้ลงสนามมากที่สุด
ในแดนหน้า สเตอร์ลิง, เคน และซานโช น่าจะยังคงยืนเป็นแกนหลักในแนวรุกเหมือนเช่นแผนของเป๊ป โดยเน้นใช้ความเร็วเข้าโจมตีทางด้านริมเส้นในลักษณะเดียวกับของลิเวอร์พูล
โชเซ มูรินโญ
กุนซือท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ขึ้นชื่อในเรื่องการเน้นเกมรับที่แน่นอนเป็นหลัก ก่อนจะใช้เกมสวนกลับในการบุกจู่โจมคู่แข่ง
ถ้ามองตามแท็กติกที่มูรินโญชื่นชอบ อังกฤษมีโอกาสสูงที่จะใช้มิดฟิลด์ที่เล่นเกมรับได้ดีถึง 2 คน คอยช่วยกันทำให้แผงกองกลางของทีมรัดกุม คือเดแคลน ไรซ์ และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขณะเดียวกันก็มีเมสัน เมาธ์ เป็นตัวคอยสร้างสรรค์เกมคล้ายๆ แฟรงค์ แลมพาร์ด, เมซุต โอซิล หรือเดโก้
ในแผงเกมรับ มูรินโญน่าจะใช้แบ็คทั้งสองข้างที่เล่นเกมรับได้ดีกว่าตัวเลือกของคล็อปป์หรือเป๊ป ทำให้คีแรน ทริปเปียร์ และไคล์ วอล์คเกอร์ อาจจะเป็นคนที่มีโอกาสมากที่สุดในตำแหน่งดังกล่าว
ส่วนในแดนหน้า มูรินโญอาจจะเลือกใช้ความเร็วของมาร์คัส แรชฟอร์ด ในการจู่โจม โดยมี แฮร์รี เคน เป็นตัวเป้าคอยพักบอล และทำทางให้เพื่อน ส่วนแจ็ค กรีลิช คือคนคอยเชื่อมเกมร่วมกับเมาธ์
มาร์เซโล บิเอลซา
กุนซือลีดส์ ยูไนเต็ด นิยมใช้แผน 4-1-4-1 ที่สามารถปรับมาเล่นเป็น 3-3-1-3 ได้ในเวลาได้ครองบอล จุดเด่นของบิเอลซาคือการเล่นเกมรุกที่รวดเร็ว และเน้นการจ่ายบอลมากกว่าครองบอลไว้กับตัว
ด้วยแนวคิดดังกล่าว ราฮีม สเตอร์ลิง อาจจะหลุดโผในแผนของกุนซือรายนี้ และน่าจะมีผู้เล่นแปลกตาเข้ามาอยู่ในทีมหลายคน
ในแดนหลัง จอห์น สโตนส์ คือผู้เล่นที่ขึ้นชื่อคนหนึ่งในเรื่องการครองบอลด้วยเท้าและการจ่ายบอลที่แม่นยำ ทำให้อาจมีโอกาสได้ยืนเป็นตัวหลัก คู่กับ ไคล์ วอล์คเกอร์ ซึ่งมีทั้งความเร็ว และความสามารถในการปรับตำแหน่งไปยืนเป็นแบ็คขวา หากว่ามีการปรับแท็กติกระหว่างเกมฃ
ส่วนในแดนกลาง บิเอลซามีตัวเลือกตั้ง คาลวิน ฟิลลิปส์ และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่จ่ายบอลยาวได้ดีรวมถึงเจมส์ แม็ดดิสัน ที่เด่นในเรื่องการสร้างสรรค์เกมรุกและยิงไกล
ชอน ไดช์
กุนซือเบิร์นลีย์ มีแท็กติกที่แตกต่างจากโค้ชคนอื่นๆ ข้างต้น เมื่อพวกเขาเป็นทีมที่เน้นบอลยาวเป็นหลัก และมักจะเป็นทีมที่ครองบอลน้อยเสมอ
ด้วยแผน 4-4-2 ไดช์ จะเลือกใช้งาน เดแคลน ไรซ์ และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ขยันไล่ตัดเกม โดยใช้กองหน้าสองคนคือแฮร์รี เคน และแดนนี อิงส์ ในแนวรุก
ส่วนในเกมรับ เช่นเดียวกับมูรินโญ ไดช์ น่าจะเลือกใช้ฟูลแบ็คที่เล่นเกมรับได้แน่นอนและมีวินัยมากกว่าจะเป็นฟูลแบ็คที่สร้างสรรค์เกมได้ดีเหมือนโค้ชคนอื่นๆ