เป็นคนมีหัวใจ! บุฟฟอนร่ายยาว ไม่เสียใจพูดไปตามความรู้สึก 'ให้พูดใหม่ผมก็จะพูดอย่างเดิม'

จานลุยจิ บุฟฟอน ผู้รักษาประตูของยูเวนตุส ไม่เสียใจที่ต่อว่าไมเคิล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินชาวอังกฤษที่ให้จุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บแก่เรอัล มาดริด ในยูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดที่ 2 ที่ทำให้เขาต้องได้ใบแดง และทีมตกรอบไปด้วยประตูดังกล่าว

ตำนานมีลมหายใจวัย 40 และเพื่อนร่วมทีมต่อสู้กับราชันชุดขาวในซานติอาโก้ เบร์นาเบว จากที่ตกเป็นฝ่ายตามหลัง 3-0 ในเกมแรก ไล่ตีเสมอมาเป็น 3-3 ได้อย่างน่าชื่นชม แต่ก่อนจะถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ผู้ตัดสินชาวอังกฤษให้จุดโทษแก่เจ้าบ้านจากจังหวะที่เมห์ดี เบนาเตีย เข้าไปหนุนแย่งบอล ลูคัส บาสเกวซ ด้านหลัง บุฟฟอนฟิวส์ขาดเข้าไปต่อว่าโอลิเวอร์จนได้ใบแดงตรงออกจากสนาม วอยเซียค เชสนีย์ ที่ลงมาแทน ไม่สามารถเซฟจุดโทษของคริสเตียโน โรนัลโด้ ได้

หลังเกม บุฟฟอนให้สัมภาษณ์ต่อว่าโอลิเวอร์อย่างรุนแรง ว่าเป็นคนไม่มีหัวใจ และไม่มีประสบการณ์พอสำหรับเกมระดับนี้ ถึงได้ให้จุดโทษในจังหวะที่ไม่ชัดเจนในช่วงเวลาแบบนั้น จนถูกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยออกมาตำหนิไม่น้อย

---

ข่าวอื่นๆ | ติดตามข่าว ฟุตบอลยุโรป เพิ่มเติมที่นี่

---

แต่จากการให้สัมภาษณ์ล่าสุด 'จิจี้' ยืนยันว่าไม่เสียใจกับทุกคำพูด

"ผมไม่ต้องแก้ตัวอะไร เพราะผมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ใส่ความมุ่งมั่น ความรู้สึก ความเกรี้ยวกราดลงไปในสิ่งที่ทำ" บุฟฟอนกล่าวกับ Le Iene

"คุณจะพูดออกมาสักทาง อาจจะถูกหรือผิด อาจจะดูเกินเลยไปในตอนนั้น... แต่นี่คือผม ผมคือจิจี้ บุฟฟอน ถ้าไม่ใช่คืนนั้น เกมมันจบไปตั้งแต่ชั่วโมงครึ่งก่อนหน้า(เลกแรก)แล้ว ดังนั้น อะไรที่แสดงออกไปในเวลานั้น มันเต็มไปด้วยความรู้สึกและความนึกคิดที่เข้มข้น พูดได้ว่าค่อนข้างดิบ แต่มันเป็นความรู้สึกของคนที่ไม่ใส่หน้ากาก ไม่เสแสร้งปิดบังความรู้สึก แต่ปลดปล่อยทุกอย่างออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ เท่านั้นเอง

"ในเวลาแบบนั้น คุณจะขอให้คนที่ใช้ชีวิตผูกพันกับกีฬานี้เหนียวแน่นขนาดผมมาตีนิ่งไม่ได้ เพราะต่อให้ผมแสดงความรู้สึกเหล่านี้ออกมาแบบเกินจริง มันก็ยังสมเหตุสมผลอยู่ดี ผมจะพูดแบบนั้นทั้งหมดอีก อาจจะใช้ภาษาต่างไป อาจจะเรียบร้อยมีอารยธรรมกว่านั้น แต่เนื้อหายังเหมือนเดิม ผมยืนยันอย่างเดิมทั้งหมด

"ต่อให้ผมพูดเกินเลย ผมก็พูดสิ่งที่ผมคิด ว่าเขาไม่ควรให้จุดโทษ ผู้ตัดสินที่มีประสบการณ์กว่านี้จะไม่เป่านกหวีดแล้วตัดสินใจเป็นตัวเอกของเกมเสียเอง เขาจะปล่อยให้มันเล่นไป ให้มันดำเนินไป ให้สองทีมได้สู้กันในช่วงต่อเวลาพิเศษ ให้เกมในสนามมันบอกเล่าเอง

"ผมมั่นใจว่าโอลิเวอร์จะมีอนาคตหน้าที่การงานที่สดใส แต่เขายังเด็กเกินจะมาตัดสินเกมระดับนั้น ความสวยงาม ความวัดหยั่งไม่ได้ของฟุตบอล ทำให้หนุ่มน้อยคนนี้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินไป อ่านยากเกินไป ใหญ่โตเกินกว่าเขาจะรับมือได้

"สุดท้ายแล้ว อะไรที่ผมพูดไปหลังเกม ผมไม่ได้มีความเคียดแค้นกับโอลิเวอร์ ผมไม่ได้โกรธเขาด้วยซ้ำ เรื่องมันจบตรงนั้น แต่ด้วยความตึงเครียดของสถานการณ์อาจทำให้มีคนรู้สึกว่าผมพูดจาไม่ดี... ผมรู้สึกเหมือนถูกโกง ไม่ใช่โกงผลการแข่งขัน แต่ถูกโกงคืนนั้นไป คืนหนึ่งที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้อีก

"เราอาจสร้างประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งให้กับฟุตบอลหรือยูเว่ หรืออิตาลี ชัยชนะของเราเมื่อรวมกับของโรมา(พลิกชนะบาร์เซโลนา)จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก

Playing Surface/Getty

"ยิ่งกว่าความเป็นยูเวนติโน คือผมเป็นคนอิตาลี ผมอยากให้ฟุตบอลอิตาลีได้ดีจากใจจริง ๆ ได้เห็นโรมาคัมแบคกลับมาอย่างเหลือเชื่อแบบนั้น ผมเชียร์พวกเขาสุดใจนะ ได้เห็นยูเว่ลุยใส่มาดริด แล้วกลับมาได้หลังจากแพ้ไป 3-0... ผมก็มีอารมณ์ร่วมน่ะ มันไม่มีอะไรเทียบได้เลย

"ผมเคยแพ้เกมที่สำคัญกว่านี้ แต่ด้วยลักษณะที่มันเป็นไป มันเป็นเกมที่มหัศจรรย์ที่สุด ตื่นเต้นที่สุดที่ผมเคยได้สัมผัสกับยูเวนตุส ผมคิดว่ามันเป็นแบบนั้นกับเพื่อนร่วมทีมผมและแฟน ๆ เช่นกัน

"มันไม่ใช่สถานการณ์ที่คุณพูดได้ว่า 'เป็นจุดโทษแน่นอน' ผมไม่ได้พูดว่ามันไม่เป็นจุดโทษนะ ผมพูดว่ามันไม่ชัดเจน ในเกมแบบนั้น อีก 20 วินาทีจะจบ จังหวะไม่ชัดเจนแบบนี้ ผู้ตัดสินที่มีประสบการณ์จะไม่ยอมให้มันเปลี่ยนไปทุกอย่าง ในมุมมองของผม ผู้ตัดสินที่มีประสบการณ์จะประเมินสถานการณ์ต่างไป

"อย่างน้อยที่สุดก็ให้ความยุติธรรมกับความทุ่มเทสุดหัวจิตหัวใจของเพื่อนร่วมทีมผมบ้าง ให้ความยุติธรรมกับแฟน ๆ 5,000 คนที่มาเชียร์เราถึงมาดริดบ้าง

"ผมต้องปกป้องเพื่อนร่วมทีมของผมและแฟน ๆ แม้จะเป็นวิธีที่ดูไม่สวยงาม เพราะผมรู้สึกว่าต้องพูดมันออกมา ต่อให้มันจะทำร้ายภาพลักษณ์ของผมก็ตาม"