จับตาดาวรุ่งโตโยต้า ไทยลีก : กนกพล ปุษปาคม “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”

โปลิศ เทโร เอฟซี กลับสู่ศึกโตโยต้า ไทยลีก อีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ต้องตกชั้นไปเล่น M-150 แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2019…

“มังกรโล่เงิน” ภายใต้การนำของ “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ออกสตาร์ทฤดูกาล 2020 ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยผลงานชนะ 3 แพ้ 1 เกม เบื้องหลังสำคัญคือการใช้ขุมกำลังเก่าที่ฝ่าฝันกันมาในลีกรอง เป็นกำลังหลักเช่นเคย โดยเฉพาะการผสมผสานระหว่างแข้งวัยเก๋า และดาวรุ่งที่ประสานงานกันอย่างลงตัว

ก่อนหน้านี้ “โค้ชอ้น” ประเดิมงานโค้ชกับ โปลิศ เทโรฯ เต็มตัวในตำแหน่งกุนซือทีมชุดบี ทำให้รู้จักฝีเท้า และศักยภาพนักเตะดาวรุ่งเป็นอย่างดี ก่อนที่ต่อมาหลังก้าวขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชชุดใหญ่จึงคัดกรองดาวรุ่งฝีเท้าจัดขึ้นมาใช้งานที่บางรายก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีมภายในเวลาไม่ถึงปี ซึ่งนักเตะจากอคาเดมีที่ทำผลงานได้โดดเด่นไม่แพ้ใครคือ “บอส” กนกพล ปุษปาคม…

นามสกุลของเขาคงทำให้แฟนบอลชาวไทยรู้สึกคุ้นหู นี่คือลูกชายคนกลางของ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม ที่ ณ เวลานี้กำลังเดินตามเส้นทางของคุณพ่อผู้ร่วงลับเพื่อก้าวสู่มิดฟิลด์แถวหน้าของวงกรฟุตบอลไทย

“บอส” เริ่มต้นกับ โปลิศ เทโรฯ ช่วงกลางปี 2018 เมื่อหอบสตั๊ดมาคัดตัวกับทีม ก่อนได้รับคัดเลือกเซ็นสัญญาเข้าอคาเดมี และถูกส่งชื่อลุยศึกออมสิน ลีก(ไทยลีก 4) ในปีเดียวกัน

หนึ่งในเหตุผลที่เขาเลือกมาคัดตัวกับ “มังกรโล่เงิน” เพราะนี่คือสโมสรที่คุณพ่อเคยพาทีม คว้ารองแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2002 ทำให้มีความรู้สึกผูกพันธ์กับสโมสรแห่งนี้เป็นพิเศษ

“บอส” ใช้เวลาไม่นานโชว์ฝีเท้าจนเป็นที่ประทับใจของสตาฟฟ์โค้ช ส่งผลให้ฤดูกาล 2019 ถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่เต็มตัว และเขาเป็นหนึ่งฝนฟันเฟืองที่พาทีมเลื่อนชึ้นกลับลีกสูงสุดได้สำเร็จ

ฤดูกาล 2020 “บอส” ได้รับโอกาสลงเล่นในโตโยต้า ไทยลีก ครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่นัดแรกที่ทีมเปิดบ้านรับการมาเยือนยักษ์ใหญ่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แน่นอนว่าด้วยขุมกำลัง และชื่อเสียง โปลิศ เทโร เอฟซี ถูกมองว่าเป็นรอง ทว่าผลการแข่งขันในวันนั้นกลับกลายเป็นเจ้าบ้านที่เฉือนชนะ “ปราสาทสายฟ้า” แบบพลิกความคาดหมาย

แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือฟอร์มการเล่นของ “บอส” ที่ได้รับการชื่นชมอย่างมาก เขาออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรก ก่อนจะโชว์พลังความกระหายวิ่งสู้ฟัดตลอดทั้งเกม ไม่เกรงกลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นนักเตะที่เก่งหรือมีชื่อเสียงแค่ไหน

สำหรับ “โค้ชแต๊ก” ในภาพจำของแฟนบอลคือกองกลางจอมคลาสสิค แต่ส่วนของ “บอส” ต่างไปจากนั้น เขาเปรียบเสมือนมิดฟิลด์มดงานที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมก้าวสู่ชัยชนะ หลังจากนั้นเขายังคงยึดตำแหน่งตัวจริงต่อเนื่อง ที่ตอนนี้กลายเป็นนักเตะสำคัญของ โปลิศ เทโร เอฟซี เต็มภาคภูมิ

ด้วยความเป็นลูกชายนักเตะระดับตำนานของไทย ทำให้หลายครั้งที่ถูกยกเปรียบเทียบผู้เป็นพ่อ แต่ “บอส” ไม่ไดรู้สึกกดดัน และยังคงฝึกซ้อมอย่างหนักในทุกๆวัน โดยมีคุณพ่อเป็นต้นแบบลูกหนัง

"ผมเข้าใจที่หลายคน เอาพวกเราไปเปรียบเทียบกับพ่อครับ แต่เรายังไม่เก่งเท่าพ่อหรอก อย่างผมเอง ก็ยังยิงบอลไม่ดีเท่าพ่อ (ยิ้ม) ก็ยังต้องฝึก ต้องค่อยๆ ปรับไปเรื่อยๆ ครับ ก็หวังว่าวันนึงผมจะทำทุกอย่างให้เท่าพ่อ หรือ ได้ครึ่งของพ่อ ก็ยังดีครับ"

"ที่ผ่านมา ผมพยายามทำงานหนักมาก ผมอยู่กับฟุตบอลตลอด อย่างเวลาว่าง ผมก็จะไปเตะฟุตบอลเล่นกับพี่ชาย หรือ น้องชาย ผมทำทุกอย่างเพื่อมีช่วงเวลาแบบนี้ให้ได้"

"ผมคิดถึงพ่อทุกเกม พ่อเคยทำเทโร ได้รองแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก (ปี 2002) พ่อรักสโมสรแห่งนี้มาก ก็ยอมรับว่าเสียดายครับ ที่พ่อไม่เห็นผมในวันนี้”

“แต่ก็ยังเชื่ออยู่เสมอว่า พ่อยังมองพวกเราอยู่ตลอด ทั้งผม พี่ชาย หรือ น้องชาย ก็หวังว่าพ่อจะภูมิใจครับ" บอส กล่าวทิ้งท้าย

ปัจจุบัน “บอส” ยังเป็นกำลังหลักของ โปลิศ เทโร เอฟซี อีกทั้งในปีนี้เขากำลังมีโอกาสลงเล่นเคียงข้างพี่ชายแท้ ๆ อย่าง วรรณพล ปุษปาคม ที่เพิ่งย้ายจาก อาร์มี ยูไนเต็ด มาร่วมทีมในฤดูกาลนี้

และนี่คือดาวรุ่งโตโยต้า ไทยลีก น่าจับตาประจำเดือนเมษายนของเรา...