เยอรมันมีสถิติที่โดดเด่นในศึกแชมป์ยุโรปนี้ และพวกเขาก็ได้ส่งคำเตือนออกไปยังทุกๆ ทีมว่า ตอนนี้พวกเขามองไปถึงรอบถัดไปเรียบร้อยแล้ว
รัสเซียเอง ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะขาดแรงบันดาลใจ และแรงขับเคลื่อน ทำให้ดูเนือยๆ ไปตั้งแต่ช่วงปี 2008 เป็นต้นมา และเพิ่งกลับมาชนะอิตาลีไปได้ 3 - 0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และหลังจากการพบกับเช็กเมื่อวันเสาร์ที่่ผ่านมา ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทีมจากยุโรปตะวันออกทีมนี้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง พวกเขายิงไป 7 ประตูจากสองนัดล่าสุด
หลังจากผ่าน 15 นาทีแรกของเกม เกมก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ด้วยการเล่นบอลอันสวยงามของ อลัน ซาโกเยฟ, คอนแสตนติน ซิเรียนอฟ และอเล็กซานเดอร์ เคอร์ซาคอฟ
และแม้ว่าฝ่ายของเช็กจะใช้ผู้เล่นถึงหกหรือเจ็ดคนในแนวรับ แต่ อังเดร อาชาวิน, ซาโกเยฟ และเคอร์ซาคอฟ ก็เล่นประสานกันได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเครื่องดนตรีในวงออเคสตร้า พวกเขาส่งบอลไปยังปากประตูลูกแล้วลูกเล่า ถึงมันจะเข้าไปตุงตาข่ายได้เพียง 4 ลูกก็ตาม
ที่มที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยูโร |
|||
![]() |
|||
ทีม เยอรมนี สเปน ฝรั่งเศส รัสเซีย เช็ก |
แชมป์ 3 2 2 1 1 |
รองแชมป์ 3 1 0 3 1 |
รอบรองชนะเลิศ 1 0 1 1 3 |
ผลงานของอาร์ชาวินในนัดนี้ถูกกล่าวถึงไปทั่วโลก ชายคนนี้ถูกอาร์เซนอลซื้อตัวไป แต่โชว์ฟอร์มกับสโมสรไม่ค่อยออก
แต่ในนัดนี้ เขาวิ่งผ่านแผงหลังของทีมเช็กอย่างพริ้วไหวคล้ายกับลูกคลื่นที่วิ่งผ่านซอกหิน และรัสเซียคงหวังจะให้เขาโชว์ฟอร์มได้แบบนี้อีกในนัดถัดๆ ไป
ซาโกเยฟ วัย 21 ปี เป็นตัวอันตรายของเกม เขาไม่ได้มีจังหวะที่เฉียบขาดอย่างอาร์ชาวิน แต่เขายืนตำแหน่งได้ดีเยี่ยม และทำประตูได้ 2 ประตูในเกมนี้
อย่างไรก็ตาม เกมของรัสเซียก็ไม่ได้ดูดีไปเสียทุกอย่าง อย่างเช่น เคอร์ชาคอฟ ซึ่งดูว่าจะเป็นตาวยิงที่สร้างอันตรายให้กับแนวรับของฝ่ายตรงข้าม เขาเคลื่อนไหวได้ดี แต่สอบตกในเรื่องการจบสกอร์
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ดูเหมือนว่าทีมชาติรัสเซียชุดนี้ จะสามารถเอาชนะทีมไหนก็ได้แบบไม่ลำบากลำบนนัก และสี่ประตูที่พวกเขายิงไปในนัดนี้ ก็คล้ายกับเป็นคำเตือนว่า ยักษ์หลับแห่งยุโรปตนนี้กำลังตื่นขึ้นมาแล้ว