GOAL 50

นักข่าวโกล ทั้ง 37 เอดิชันทั่วโลก โหวตเลือกนักฟุตบอลที่ดีที่สุด 50 ราย เพื่อรับรางวัลประจำปีของเราซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10

50. โธมัส เลอมาร์

หลังจากฤดูกาลแรกที่น่าจับตาในโมนาโก เลอมาร์สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในปีกที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลกคนหนึ่งตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา

แข้งทีมชาติฝรั่งเศสยิงได้ 9 ประตู พาสโมสรต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกเอิงแบบเหนือความคาดหมาย ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้เป็นข่าวว่าอาร์เซนอลพร้อมทุ่มเงิน 100 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีมในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ แต่โมนาโกปฏิเสธ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมูลค่าของแข้งหน้าใหม่ใน Goal 50 รายนี้

49. บาส โดสท์

หนึ่งในการเซ็นสัญญาแห่งฤดูกาลที่แล้ว บาส โดสท์ ยิงได้ 34 ประตูจาก 31 นัดให้สปอร์ติง ลิสบอน เป็นดาวซัลโวของลีกโปรตุเกส หลังย้ายจากโวล์ฟสบวร์ก มาด้วยค่าตัวเพียง 11 ล้านยูโร เมื่อหน้าร้อนปี 2016

จากผลงานดังกล่าว นักเตะชาวฮอลแลนด์ได้รับการจับตาว่าจะย้ายไปเล่นให้เอฟเวอร์ตันในเดือนมกราคม เป็นเหมือนรางวัลที่เขามาปรากฎรายชื่อครั้งแรกใน Goal 50.

48. นาบี เกอิต้า

หนึ่งในดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในวงการลูกหนัง หน้าใหม่ใน Goal 50 นาบี เกอิต้า เป็นกำลังหลังในทีมอาร์เบ ไลป์ซิก ที่จบอันดับสองในบุนเดสลีกา เขายิงได้ 8 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์

จากผลงานดังกล่าวทำให้ลิเวอร์พูลสนใจฝีเท้าของแข้งวัย 22 ปีรายนี้ และตกลงทุ่มเงิน 70 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัวเขามาร่วมทีมในปีหน้า

47. ดิเอโก้ คอสต้า

ดิเอโก้ คอสต้า อาจเป็นส่วนเกินในสายตาของอันโตนิโอ คอนเต้ ส่งผลให้เขาต้องกลับไปค้าแข้งกับแอตเลติโก มาดริด อีกครั้ง แต่ผลงานที่ช่วยพาทีมเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2016-17 เป็นเรื่องที่ใครก็มองข้ามไม่ได้

กองหน้าทีมชาติสเปนเป็นหัวหอกในแนวรุกของสิงห์บลูได้อย่างโดดเด่น ยิงได้ 20 ประตู ในลีก และเหมาะสมทุกประการที่ยังคงอยู่ใน Goal 50 เป็นปีที่สาม

46. ดาบิด เด เฮอา

ได้รับการพุดถึงในฐานะผู้รักษาประตูที่ผลงานสม่ำเสมอที่สุดคนหนึ่งในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ดาบิด เด เฮอา ในบางครั้งก็ได้รับการประเมินค่าต่ำกว่าความเป็นจริงจากผลงานที่เขาทำได้ในระดับนี้

อย่างไรก็ดี นี่เป็น Goal 50 ครั้งที่สามของเขาติดต่อกันแล้ว ในฐานะมือกาวเบอร์ 1 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้ 14 คลีนชีตในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว และเสียเพียง 29 ประตูจาก 35 นัด

45. มาริโอ มานด์ซูคิช

ต้องอย่าลืมว่าในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2016-17 ยูเวนตุสทำผลงานได้ไม่ดีนัก และต้องขอบคุณการเปลี่ยนมาเล่นแผน 4-2-3-1 ในเดือนมกราคม ซึ่งขยับให้มาริโอ มานด์ซูคิชไปเล่นปีกซ้ายที่ทำให้แชมป์อิตาลีกลับมาผงาดอีกครั้งหนึ่ง

กองหน้าทีมชาติโครเอเชียพิสูจน์ตัวเองได้อย่างชัดเจนว่าเป็นนักเตะที่เล่นเป็นทีม และมีประโยชน์ทั้งในเกมรุกรวมถึงเกมรับที่ช่วยยูเว่ได้ดับเบิ้ลแชมป์ รวมถึงทำประตูได้ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ

44. เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า

ไม่ว่าจะให้ลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟหรือแบ็คขวา เซซาร์ อัซปิลิกวยต้าก็เป็นนักเตะที่เล่นได้สม่ำเสมอที่สุดของเชลซีมาโดยตลอด เขามีส่วนอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว รวมถึงเป็นผู้เล่นเกมรับที่โดดเด่นมากคนหนึ่งในลีกสูงสุดอังกฤษ

แข้งวัย 28 ปี ยังคงแสดงให้เห็นถึงผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาในฤดูกาลนี้ เข้าใจกับเป็นอย่างดีกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ที่เป็นทีมชาติสเปนด้วยกันอย่างอัลบาโร โมราต้า และเหมาะสมจะได้อยู่ใน Goal 50 ทุกประการ

43. ฟิลิปป์ คูตินโญ

ฟิลิปป์ คูตินโญ ย้ายจากอินเตอร์ มิลาน มาอยู่กับลิเวอร์พูล เมื่อปี 2013 ก่อนจะพัฒนาขึ้นไปอีกระดับตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา และเป็นบาร์เซโลนาที่พยายามไล่ล่าตัวเขาตลอดหน้าร้อนนี้
กองกลางตัวรุกชาวบราซิลช่วยพาลิเวอร์พูลกลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยสถิติทำประตูสูงสุดในลีก 13 ประตูเมื่อฤดูกาลก่อน และกลายเป็นนักเตะบราซิลที่ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกไปเรียบร้อยแล้ว

42. เบนจามิน เมนดี้

เบนจามิน เมนดี้ พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหนึี่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในโลกด้วยเวลาเพียง 1 ปี หลังจากย้ายจากมาร์กเซยมาอยู่กับโมนาโกด้วยค่าตัว 13 ล้านยูโร ก่อนจะค่าตัวพุ่งไปอยู่ที่ 57.5 ล้านยูโร ในวันที่แมนเชสเตอร์ ซิต้ี ทุ่มซื้อเขาไปเล่นในเอติฮัด สเตเดียม

แนวรับทีมชาติฝรั่งเศสอาจต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บอยู่ในเวลานี้ แต่เขาก็สร้างผลงานได้มากเกินพอจะติด Goal 50 เป็นครั้งแรก ด้วยการทำแอสซิสต์ถึง 11 ครั้งรวมทุกรายการให้โมนาโก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

41. ฟาบินโญ

จากแบ็คขวาที่น่าจับตา สู่กองกลางตัวรับที่เป็นตำแหน่งซึ่งเหมาะสมกับเขายิ่งกว่าเดิม เขากลายเป็นกำลังหลักในทีมโมนาโกชุดแชมป์ลีกเอิง รวมถึงช่วยพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

แข้งบราซิเลียนวัย 24 ปี มีข่าวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงเปแอสเช และยูเวนตุส ที่พร้อมจะคว้าตัวเขามาร่วมทีมในเดือนมกราคมนี้

40. กอนซาโล อิกวาอิน

มีการถกเถียงกันมากมายตอนที่ยูเวนตุสทุ่มเงิน 90 ล้านยูโร คว้ากอนซาโล อิกวาอิน มาจากนาโปลี แต่เขาใช้เวลาเพียงไม่นานนักเพื่อตอบแทนค่าตัวมหาศาลของเขาได้อย่างคุ้มค่า

อิกวาอินยิง 32 ประตูรวมทุกรายการให้ยูเว่คว้าดับเบิลแชมป์ รวมถึงยิง 5 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่ยูเว่ไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ รวมถึง 2 ประตู สำคัญในเกมพบโมนาโกรอบรองชนะเลิศ นัดแรก

39. อเล็กซ์ ซานโดร

อเล็กซ์ ซานโดร มีชื่อใน Goal 50 เป็นครั้งแรก ในฤดูกาลที่เขาพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาเป็นแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดคนหนึ่ง และอาจเป็นรองเพียงมาร์เซโลของเรอัล มาดริด เท่านั้น

การเติมเกมรุกของเขาเป็นส่วนสำคัญในเกมรุกของยูเวนตุสที่พวกเขาพลาดเทรเบิ้ลแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย และยูเวนตุสถึงกับปฏิเสธข้อเสนอ 70 ล้านยูโรจากเชลซีเมื่อช่วงหน้าร้อนมาแล้ว

38. มาร์โก อเซนซิโอ

มีเหตุผลอยู่ว่าทำไมข่าวปล่อยแกเร็ธ เบล ออกจากทีมถึงไม่ค่อยสร้างความกังวลใจให้แฟนๆ เรอัล มาดริด มากนัก เพราะพวกเขามีมาร์โก อเซนซิโอ ซึ่งโชว์ฟอร์มได้สมกับที่ติดมาใน Goal 50 ประจำปีนี้ทุกประการ

แข้งวัย 21 ปีเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของสเปนในรอบหลายปี หลังจากทำได้ 10 ประตูให้ราชันชุดขาวเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขายังเปิดตัวฤดูกาลนี้ได้อย่างสุดหรู ด้วยการทำสองประตูในเกมซูเปร์โกปาที่เอาชนะบาร์เซโลนาอีกด้วย

37. เดเล อัลลี

เดเล อัลลี รักษารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอเอาไว้ได้ หลังจากผลงานแจ้งเกิดในฤดูกาล 2015-16 เขาทำได้ดีกว่าเดิมในฤดูกาลที่แล้วที่ยิงได้ 18 ประตูในพรีเมียร์ลีก

จริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อยที่เขาไม่ได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล เมื่อพิจารณาจากความที่ตัวเขาเป็นกำลังสำคัญในทีมท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ที่ได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีก

36. มานูเอล นอยเออร์

มานูเอล นอยเออร์ ต้องทนหงุดหงิดไม่น้อยตลอดปีที่ผ่านมา เมื่อเขาต้องเจออาการบาดเจ็บเล่นงาน ก่อนจะกลับมาฟิตสมบูรณ์และพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าเขาเป็นผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมในวงการลูกหนังทุกวันนี้

เขายังคงมีส่วนพาบาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้อีกสมัย และติด Goal 50 เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตูในยุคนี้

35. คริสเตียน อีริคเซน

หนึ่งในนักฟุตบอลที่ได้รับความชื่นชมน้อยกว่าที่ควรจะเป็นในโลกฟุตบอลทุกวันนี้ คริสเตียน อีริคเซน เพิ่งได้มีชื่ออยู่ใน Goal 50 เป็นครั้งแรก

นอกจากจะเป็นจอมทัพของสเปอร์สที่จบอันดับสองในพรีเมียร์ลีก ด้วยผลงาน 15 แอสซิสต์ กับ 8 ประตู กองกลางทีมชาติเดนมาร์กยังพร้อมทีมเข้าไปเล่นเพลย์ออฟเพื่อชิงตั๋วเวิลด์คัพได้สำเร็จ ด้วยการทำประตูในรอบแบ่งกลุ่ม 6 นัดติดต่อกัน

34. โรเมลู ลูกากู

โรเมลู ลูกากู พยายามพิสูจน์ตัวเองอยู่เสมอว่าเขามีคุณภาพพอจะเป็นกองหน้าชั้นนำของวงการลูกหนังได้ และเขาก็แสดงให้เห็นแล้วกับผลงานในปี 2017

หลังจากปิดฉากฤดูกาลสุดท้ายกับเอฟเวอร์ตันด้วยการยิง 25 ประตู กองหน้าชาวเบลเยียมใช้เวลาเพียงน้อยนิดเพื่อปรับตัวเข้ากับต้นสังกัดใหม่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยิงไป 7 ประตูจาก 7 นัดแรกให้ปีศาจแดง เรียกได้ว่าตอบแทนค่าตัว 75 ล้านปอนด์ได้อย่างรวดเร็วทีเดียว

33. ดานี การ์บาฆาล

ดานี การ์บาฆาล อาจไม่ใช่นักเตะชื่อดังที่สุดในทีมเรอัล มาดริด แต่เขาเป็นผู้เล่นตัวจริงคนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง

ฟูลแบ็คทีมชาติสเปนเล่นเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม และสร้างผลงาน 12 แอสซิสต์รวมทุกรายการเมื่อฤดูกาลที่แล้ว รวมถึง 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นเพียง 9 นัดในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และถือเป็นข่าวดีสำหรับแฟนๆ มาดริด ที่ได้เห็นเขาต่อสัญญากับทีมไปจนถึงปี 2022

32. ซาดิโอ มาเน

ในตอนแรกมีแฟนบอลลิเวอร์พูลบางรายกังขากับการตัดสินใจซื้อซาดิโอ มาเน จากเซาแธมป์ตัน ด้วยค่าตัว 41 ล้านยูโร เมื่อหน้าร้อนปี 2016 ก่อนที่เขาจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่สำคัญที่สุดในทีมของเจอร์เกน คล็อปป์ อย่างรวดเร็ว

ปีกความเร็วสูงยิงได้ 13 ประตู ในฤดูกาลแรกของเขาที่แอนฟิลด์ รวมถึงประตูชัยในเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ และมีส่วนพาหงส์แดงกลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้ง

31. พอล ป็อกบา

การทำผลงานได้ตามความคาดหวัง 105 ล้านยูโร กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พอล ป็อกบา ก็ทำผลงานได้น่าพอใจไม่น้อยหลังย้ายจากยูเวนตุส กลับมาอยู่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกครั้ง

กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสยิงได้ 9 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ รวมทุกรายการเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ช่วยให้แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ได้ทั้งลีกคัพ และยูโรป้าลีก รวมถึงทำประตูได้ในเกมยูโรป้าลีก นัดชิงชนะเลิศที่พบอาแย็กซ์อีกด้วย

30. ราดาเมล ฟัลเกา

ราดาเมล ฟัลเกา กลับมาโชว์ฟอร์มเด่นได้อีกครั้ง หลังจากหายนะในระหว่างยืมตัวไปเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี เขาค้นพบฟอร์มเก่งของตัวเองเมื่อกลับมาเล่นให้โมนาโก เมื่อปีที่แล้ว

กองหน้าชาวโคลอมเบียยิง 21 ประตู จาก 29 นัด มีส่วนในการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีกเอิงอย่างยิ่งใหญ่ และกลับมาติด Goal 50 เป็นครั้งที่ 4 หลังจากหายหน้าไปตั้งแต่ปี 2013.

29. แบร์นาโด้ ซิลวา

แบร์นาโด้ ซิลวา คือนักเตะที่พิสูจน์ให้เห็นว่านักเตะที่พึ่งพาเทคนิคก่อนร่างกายยังคงอยู่ได้ในโลกฟุตบอลยุคนี้ เขาคือจอมทัพของโมนาโกที่ประสบความสำเร็จในลีกเอิงแบบเหนือความคาดหมาย ด้วยการทำ 9 แอสซิสต์ กับอีก 8 ประตู

ทักษะของดาวเตะร่างบางวัย 23 ปี ตราตรึงใจทุกคน และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่เป๊ป กวาร์ดิโอลา ตัดสินใจให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทุ่มเงิน 50 ล้านยูโร คว้าเพลย์เมกเกอร์ชาวโปรตุกีสมาในช่วงซัมเมอร์

28. ดาวิด ลุยซ์

การตัดสินใจคว้าดาวิด ลุยซ์ กลับมาร่วมทีมอีกครั้งของเชลซี ด้วยค่าตัว 34 ล้านปอนด์ เมื่อปีที่แล้ว อาจทำให้หลายคนรู้สึกประหลาดใจ หลังจากที่เคยแสดงให้เห็นมาแล้วหลายครั้งว่ามีปัญหาพอสมควรเวลาเล่นเกมรับ

อย่างไรก็ดี อันโตนิโอ คอนเต้ นายใหญ่ของสิงห์บลู เหมือนจะรู้ดีว่าควรใช้งานเซ็นเตอร์ฮาล์ฟบราซิเลียนอย่างไร ด้วยการจับไปอยู่ตรงกลางของแนวหลังสามคน ทำให้เขากลายเป็นปัจจัยหลักที่พาทีมลอนดอนตะวันตกไปถึงแชมป์ลีก

27. อเล็กซิส ซานเชซ

เป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจว่าทำไมอาร์เซนอลถึงได้พยายามอย่างหนักที่จะไม่ขายอเล็กซิส ซานเชซ ให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากเขาเป็นคนแบกทีมปืนใหญ่ในเกมรุกแทบจะตลอดฤดูกาลที่แล้ว

ถึงแม้จะทำได้เพียงช่วยให้ทีมอยู่ในอันดับ 5 ของตารางพรีเมียร์ลีก ดาวยิงทีมชาติชิลีก็โดดเด่นพอจะเป็นผู้ท้าชิงนักเตะยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ด้วยการทำ 24 ประตู 11 แอสซิสต์ ก่อนจะเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ให้ทีมในเกมเอาชนะเชลซี รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ

26. คาเซมิโร

ผู้เล่นอย่าง ลูก้า โมดริช และโทนี โครส อาจจะได้รับคำชมแทบทั้งหมดในแผงกองกลางของเรอัล มาดริด แต่ทั้งสองคนคงทำผลงานไม่ได้ หากไม่มีผึ้งงานอย่างคาเซมิโรคอยปัดกวาดอยู่เบื้องหลัง

กองกลางตัวรับทีมชาติบราซิลรับบทตัดเกมก่อนถึงแผงแบ็คโฟร์ของราชันชุดขาว และยังทำประตูสำคัญๆ ได้ไม่น้อย รวมถึงประตูที่ทำให้ทีมของซีเนดีน ซีดาน กลับมาได้ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศ กับยูเวนตุส

25. ดรีส์ เมอร์เทนส์

เมาริซิโอ ซาร์รี เคยชี้ให้เห็นว่าความน่าผิดหวังเดียวเกี่ยวกับการขยับ ดรีส์ เมอร์เทนส์ เข้ามาเป็นศูนย์หน้าหมายเลข 9 คือก่อนหน้านั้นไม่มีใครคาดคิดเลยว่า นักเตะรายนี้จะกลายเป็นกองหน้าตัวกลางระดับโลกได้

เมอร์เทนส์ ขยับเข้ามาเล่นตรงกลางเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เพราะอาการบาดเจ็บของ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ก่อนจะยิงได้ 26 ประตู จาก 29 นัด ในกัลโซ เซเรีย อา นับตั้งแต่เปลี่ยนตำแหน่ง และยิงได้รวม 28 ประตู จาก 35 นัด เมื่อจบฤดูกาล

24. อุสมาน เดมเบเล

อุสมาน เดมเบเล กลายเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างรวดเร็วราวกับดาวตก แข้งชาวฝรั่งเศสย้ายไปเล่นให้บาร์เซโลนาด้วยค่าตัว 105 ล้านยูโร (พร้อมออปชันเพิ่มเติมอีก 40 ล้านยูโร) ในระยะเวลาเพียง 1 ปี หลังจากที่ย้ายมาอยู่กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโรเท่านั้น

ค่าตัวของเขาอาจจะดูบ้าคลั่งสำหรับนักเตะในวัย 20 ปี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานของเขาในถิ่นซิกนัล อิดูนา พาร์ค ฤดูกาลแรก นั้นโดดเด่นกว่าใครด้วยจำนวน 6 ประตู กับอีก 13 แอสซิสต์ พร้อมคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของบุนเดสลีกามาครองได้สำเร็จ รวมถึงผลงานระดับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนัดชิงชนะเลิศ เดเอฟเบ โพคาล ที่เอาชนะ ไอน์ทรัคท์ แฟรงค์เฟิร์ต ได้อีกด้วย

23. อองตวน กรีซมันน์

เป็นการปรากฏตัวใน Goal 50 เป็นปีที่สามติดต่อกันสำหรับ อองตวน กรีซมันน์ ซึ่งกลายเป็นกำลังสำคัญที่ขาดไม่ได้ของแอตเลติโก มาดริด ไปเรียบร้อยแล้ว

แข้งวัย 26 ปี เป็นเป้าหมายเสริมทัพของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะยังคงค้าแข้งในบิเซนเต้ กัลเดรอน ต่อไป หลังจากที่ทีมตราหมีถูกโทษแบนห้ามซื้อขาย เขายิงได้ 26 ประตูรวมทุกรายการเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และพาฝรั่งเศสผ่านเข้าไปเล่นในเวิลด์คัพที่รัสเซียปีหน้าเรียบร้อยแล้ว

22. เอดินสัน คาวานี

เอดินสัน คาวานี ทำประตูได้มากที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขา หลังจากที่ได้ขยับเข้ามาเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวกลางตามถนัดในที่สุด เมื่อซลาตัน อิบราฮิโมวิช ย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยต้องถูกขยับไปเป็นปีกในสมัยที่ยังมีศูนย์หน้าชาวสวีดิชอยู่ในทีม แต่เขายิงได้ถึง 49 ประตู จาก 50 นัดรวมทุกรายการเมื่อฤดูกาลที่แล้ว รวมถึง 8 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และช่วยพาทีมชาติผ่านเข้าไปเล่นในเวิลด์คัพ รอบสุดท้าย ที่รัสเซีย ด้วย

21. ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยังคงเป็นดาวเตะชั้นนำของโลก และมีชื่ออยู่ใน Goal 50 เป็นปีที่ 9 แล้ว มีเพียง คริสเตียโน โรนัลโด้ และลิโอเนล เมสซี ที่ทำผลงานได้ดีกว่านี้ ซึ่งต้องขอบคุณฟอร์มอันยอดเยี่ยมของตัวเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แม้ว่าฤดูกาลของเขาจะจบลงด้วยอาการบาดเจ็บ แต่กองหน้าวัย 36 ปี ก็สร้างผลงานได้โดดเด่นเพียงพอ ด้วยการยิง 28 ประตู รวมถึงประตูชัยในเกมนัดชิงชนะเลิศลีกคัพ ที่ส่งผลให้โชเซ มูรินโญ เสนอต่อสัญญาให้เขาเป็นปีที่สองในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทันทีที่ทราบว่าอิบราฮิโมวิชจะกลับมาลงเล่นได้อย่างรวดเร็ว หลังพักฟื้นจากอาการเจ็บเข่า

20. หลุยส์ ซัวเรซ

หลุยส์ ซัวเรซ อาจไม่ได้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเท่ากับเมื่อปี 2016 ที่เขาไปได้ไกลถึงอันดับ 2 ใน Goal 50 แต่หัวหอกบาร์เซโลนาและทีมชาติอุรุกวัยก็ยังทำประตูได้อย่างต่อเนื่องทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ดาวยิงวัย 30 ปี ทำได้ 37 ประตูรวมทุกรายการให้บาร์เซโลนา และยิงได้สองประตูช่วยพาอุรุกวัยเอาชนะโบลิเวีย 4-2 และได้ไปเล่นในเวิลด์คัพ 2018 ในที่สุด

19. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

บาเยิร์น มิวนิค อาจจะผลงานตกลงไปในภาพรวมตลอดปีที่ผ่านมา แต่โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ดาวยิงชาวโปแลนด์ติด Goal 50 เข้ามาเป็นปีที่ 6 แล้วในครั้งนี้

กองหน้าเสือใต้ยิงได้ 30 ประตู จากการลงสนาม 33 นัดให้ยักษ์ใหญ่แห่งบาวาเรียในบุนเดสลีกา และเอาชนะคริสเตียโน โรนัลโด้ กลายเป็นดาวยิงสูงสุดในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป ด้วยจำนวน 16 ประตู

18. ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง

หนึ่งในเรื่องประหลาดที่สุดในตลาดนักเตะหน้าร้อนที่ผ่านมาคือ ไม่มีใครทาบทามขอซื้อตัว ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง อย่างจริงจังเลย ถึงแม้เขาจะทำผลงานยอดเยี่ยมจนติดท็อป 20 ใน Goal 50 เป็นปีที่สองติดต่อกันแล้ว

หัวหอกโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เอาชนะโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และกลายเป็นดาวยิงสูงสุดของบุนเดสลีกาได้สำเร็จด้วยจำนวน 31 ประตู จาก 32 นัด รวมถึงประตูชัยในเกมเดเอฟเบ โพคาล ที่เอาชนะ ไอน์ทรัคท์ แฟรงค์เฟิร์ต ได้สำเร็จด้วย

17. แฮร์รี เคน

กองหน้าท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ พิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก เมื่อทำได้เกิน 20 ประตูในพรีเมียร์ลีกเป็นปีที่สามติดต่อกันแล้ว

ฤดูกาลที่แล้วคือผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาจนถึงเวลานี้ ด้วยการยิงไป 29 ประตู จาก 30 นัด และด้วยผลงานที่สม่ำเสมอของเขาทำให้ในเวลานี้เจ้าตัวเป็นข่าวกับเรอัล มาดริดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

16. ติอาโก้ อัลคันทารา

คาร์โล อันเชล็อตติ อาจทำผิดพลาดมากมายในระหว่างที่คุมทีมบาเยิร์น มิวนิค แต่การตัดสินใจขยับให้ติอาโก้ อัลคันทารา ขึ้นไปยืนสูงขึ้นได้รับผลที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

จากกองกลางตัวรับที่เจออาการบาดเจ็บเล่นงานเป็นประจำ เขาทำผลงานได้ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขาด้วยการรับบทกองกลางตัวรุก และจ่ายบอลในแดนของฝั่งตรงข้ามได้มากที่สุดในบุนเดสลีกาฤดูกาลที่แล้ว (1,393 ครั้ง) และประสบความสำเร็จสูงถึง 87.3% ทีเดียว

15. เลโอนาร์โด้ โบนุชชี

เลโอนาร์โด้ โบนุชชี อาจจะทำผลงานได้น่าประทับใจนักในช่วงแรกกับเอซี มิลาน แต่เขาเป็นดาวเด่นในเกมรับของต้นสังกัดเก่าอย่างยูเวนตุสตลอดฤดูกาล 2016-17

ไม่เพียงรับบทเป็นตัวเปิดเกมจากทางด้านหลังได้อย่างดีด้วยการจ่ายบอลที่แม่นยำ ดาวเตะทีมชาติอิตาลียังทำได้ถึง 5 ประตู รวมถึง ประตูสำคัญในเกมโคปปา อิตาเลีย นัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะลาซิโอได้สำเร็จ และเป็นตัวหลักในเกมรับที่ปิดตายบาร์เซโลนาระหว่างทางที่เบียงโคเนรีมุ่งสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

14. ดานี อัลเวส

บาร์เซโลนาทำเรื่องผิดพลาดที่สุดในตลอดนักเตะของพวกเขาด้วยการปล่อย ดานี อัลเวส ออกจากทีมแบบฟรีๆ เพื่อไปเล่นให้ยูเวนตุส

แบ็คขวาบราซิเลียนกลายเป็นกำลังหลักในการพาเบียงโคเนรีคว้าดับเบิลแชมป์ในประเทศ ทำประตูแรกในเกมโคปปา อิตาเลีย นัดชิงชนะเลิศ รวมถึงเป็นกุญแจสำคัญในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกที่พบโมนาโก ด้วยการยิงหนึ่งประตูกับอีกสามแอสซิสต์ จากทั้งสองนัดที่ทั้งคู่พบกัน

13. อิสโก้

ทักษะอันยอดเยี่ยมของอิสโก้โดดเด่นตลอดช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่แล้วกับเรอัล มาดริด ทำให้ถึงแม้แกเร็ธ เบล จะกลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว เขาก็ยังไม่ได้เป็นตัวจริงในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ

อิสโก้ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอเพราะสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของปีกชาวเวลส์ เขามีส่วนในการทำประตูสำคัญหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงผลงานอันโดดเด่นในทีมชาติที่โชว์ความเหนือชั้นกว่ามาร์โก แวร์รัตติ อย่างเห็นได้ชัดในเกมพบทีมชาติอิตาลีที่ผ่านมา

12. เอเดน อาซาร์

หลังจากกลับมาคืนฟอร์มด้วยฝีมือของกุส ฮิดดิงค์ กุนซือรักษาการณ์ในช่วงปลายของฤดูกาล 2015-16 เอเดน อาซาร์ กลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งภายใต้กุนซือใหม่อย่างอันโตนิโอ คอนเต้ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และพาทีมสิงห์บลูไปไกลถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก

ปีกชาวเบลเยียมมีฤดูกาลที่ตัวเขามีประสิทธิภาพมากที่สุด ด้วยการยิง 16 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ จนติด Goal 50 เป็นครั้งที่ห้าแล้ว

11. มาร์เซโล

ถ้าจะมีใครที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของฟูลแบ็คในวงการลูกหนังยุคนี้ ก็คงต้องเป็นมาร์เซโล ที่พิสูจน์ตัวเองได้อย่างชัดเจนว่าเป็นกำลังสำคัญในทีมเรอัล มาดริด ทั้งเกมลาลีกาและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ฟูลแบ็คบราซิเลียนสร้างโอกาสได้ถึง 10 ประตูเฉพาะในลาลีกา เป็นสี่ประตูสำหรับคริสเตียโน โรนัลโด้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้าขารู้ใจกันเป็นอย่างดี รวมถึงประตูชัยในเกมเหนือบาเลนเซีย ซึ่งมีส่วนอย่างมากต่อการคว้าแชมป์ลีกด้วย

10. โทนี โครส

แม้จะยังอายุ 27 ปี แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นหนึ่งในการซื้อตัวสุดคุ้มในโลกลูกหนัง เมื่อซื้อมาจากบาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัวเพียง 25 ล้านยูโรเท่านั้น

เมื่อฤดูกาลก่อน โครสกลายเป็นนักเตะเยอรมันคนแรกที่ได้ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย และประสานงานกับลูก้า โมดริช และคาเซมิโรได้อย่างลงตัว จนเอาชนะยูเวนตุสได้ในรอบชิงชนะเลิศ

เขามีส่วนสำคัญในความสำเร็จของมาดริดบนเวทีลาลีกา ด้วยการทำ 12 แอสซิสต์ รวมถึงยิงประตูสำคัญในช่วงท้ายฤดูกาลกับเซบีญาและเซลต้า บิโก้ ได้อีกด้วย

9. เปาโล ดีบาลา

ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นทายาทของลิโอเนล เมสซี และได้รับการจับตาอย่างแท้จริงจากวงการลูกหนังในวันที่เขาพายูเวสตุสถล่มบาร์เซโลนา 3-0 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

ดีบาลายิงได้ 2 ประตู และพากองหลังบาร์เซโลนาป่วนด้วยทักษะของเขาในเกมที่ตูริน รวมถึงมีส่วนพาเบียงโคเนรีคว้าสคูเดตโต้และโคปปา อิตาเลีย มาครองได้สำเร็จในฤดูกาลที่แล้ว

8. เอ็นโกโล กองเต้

ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงความสามารถของเอ็นโกโล กองเต้ ได้มากไปกว่าเขาเพิ่งย้ายมาเล่นในอังกฤษเพียง 2 ปี และยังไม่มีฤดูกาลใดที่จบลงโดยที่เขาไม่มีเหรียญพรีเมียร์ลีกห้อยคอ

เชลซีถือว่าโชคดีมากที่เลสเตอร์เรียกค่าตัวนักเตะรายนี้เพียง 32 ล้านปอนด์ และกองเต้ก็พิสูจน์ตัวเองได้อย่างรวดเร็วด้วยการเป็นกำลังหลักในการตัดเกมของคู่แข่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ เอเดน อาซาร์ และเพื่อนๆ เปิดเกมรุกได้โดยไม่ต้องกังวลกับงานป้องกัน

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่นักเตะวัย 26 ปีจะกวาดเรียบทุกรางวัลส่วนตัวเมื่อจบฤดูกาล ทั้งนักเตะยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ, สมาคมนักข่าว รวมถึงของพรีเมียร์ลีกด้วย

7. คีเลียน เอ็มบัปเป้

คีเลียน เอ็มบัปเป้ เข้ามาแทนเธียร์รี อองรี ในฐานะนักเตะอายุน้อยที่สุดของโมนาโก (ธันวาคม 2015) รวมถึงเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ (กุมภาพันธ์ 2016) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีความพิเศษอยู่ในตัวมากแค่ไหน

ความพิเศษที่กล่าวมา เพิ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในปีนี้ เมื่อดาวรุ่งผู้ไร้ความกลัวใดๆ พาโมนาโกคว้าแชมป์ลีกเอิงด้วยวัยเพียง 17 ปี กับผลงาน 15 ประตู 11 แอสซิสต์ รวมถึง 6 ประตูจาก 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่มของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

หลุยส์ ซาฮา เคยบอกว่ากองหน้าตัวใหม่ของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ดีกว่าอองรีในวัย 18 ปี ขณะที่ลูโดวิช ชูลี บอกว่าเขาดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเมสซีในวัยเดียวกัน ส่วนอันเดรีย บาร์ซาญี ยืนยันว่าเขาไม่เคยได้เห็นใครอย่างเอ็มบัปเป้มาก่อน

6. เนย์มาร์

เนย์มาร์จบอันดับที่ 6 ใน Goal 50 เป็นปีที่สองติดต่อกัน และมีชื่อเข้ามาเป็นปีที่เจ็ดแล้ว หลังจากที่กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก เมื่อปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยอมจ่ายค่าฉีกสัญญา 222 ล้านยูโรให้บาร์เซโลนา

จากค่าตัวที่จ่ายออกไปแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเจ้าของทีมจากกาตาร์พร้อมทุ่มเทเต็มที่เพื่อดาวเตะทีมชาติบราซิล หลังจากที่เขาโชว์ผลงานเด่นในเกมพาบาร์เซโลนากลับมาเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ชนะเปแอสเช

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเป็นส่วนหนึ่งของแนวรุกสามประสานที่ดีที่สุดในโลกที่คัมป์นู เขากำลังจะทำอย่างเดียวกัน ด้วยการร่วมงานกับคีเลียน เอ็มบัปเป้ และเอดินสัน คาวานี ในทีมเปแอสเชในเวลานี้

5. เซร์คิโอ รามอส

มีกองหลังเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่มีอิทธิพลต่อทั้งสองฝั่งของสนามเทียบเท่าเซร์คิโอ รามอส เขาเพิ่งทำสถิติสูงสุดของตัวเองด้วยการยิง 10 ประตูรวมทุกรายการ และเป็นนักเตะคนแรกที่พาเรอัล มาดริด คว้าดับเบิลแชมป์ลาลีกาและยูโรเปี้ยน คัพ นับตั้งแต่ ฆวน อลอนโซ เมื่อปี 1958

นอกจากประตูสำคัญในเกมเอล กลาซิโก้ ที่ช่วยให้เรอัล มาดริด เสมอ บาร์เซโลนา ในระหว่างที่พวกเขาทำสถิติไม่แพ้ใคร 40 นัด กองหลังทีมชาติสเปนยังทำประตูสำคัญทั้งกับเรอัล เบติส ในลาลีกา และนาโปลีในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

ด้วยวัย 31 ปี, รามอสยังคงรักษาฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอ และเข้ามาอยู่ในอันดับ 5 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดของเขาใน Goal 50 ซึ่งเขามีชื่อมาแล้วถึง 7 ครั้ง ถือเป็นสถิติสำหรับผู้เล่นกองหลังทีเดียว

4. ลิโอเนล เมสซี

ลิโอเนล เมสซี ไม่ได้มีชื่อติดท็อปทรีของ Goal 50 อีกครั้ง แต่ก็ยังเป็นปีที่ยอดเยี่ยมของแข้งหมายเลข 10 หากมองในมุมของความสำเร็จส่วนบุคคล

ไม่มีใครทำประตูได้มากกว่าดาวยิงบาร์เซโลนาและอาร์เจนตินาในปี 2017 ทั้งยังสร้างผลงานส่วนตัวที่โดดเด่นไม่ว่าจะเป็นการทำสองประตูในซานติอาโก้ เบร์นาบิว ช่วยให้ทีมเอาชนะเรอัล มาดริดได้สำเร็จ รวมถึงการพาทีมชาติไปเล่นในเวิลด์คัพ 2018 ด้วยแฮตทริคเหนือเอกวาดอร์

ด้วยฤดูกาลที่ยากลำบากในคัมป์นู ทำให้เขาได้เพียงโกปา เดล เรย์ มาครอบครอง แต่เมสซีไม่เพียงเป็นดาวซัลโวในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวเท่านั้น (5 ประตู) เขายังเป็นผู้นำดาวซัลโวในลาลีกา ด้วยจำนวน 37 ประตู จาก 34 นัด และคว้ารางวัลรองเท้าทองคำมาครองได้สำเร็จ

3. ลูก้า โมดริช

อังเดร เชฟเชงโก้ เพิ่งอธิบายถึงลูก้า โมดริช เอาไว้ว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดตลอดกาล และเป็นเรื่องยากมากที่จะไม่เห็นด้วยกับคำชมของตำนานมิลานรายนี้

หลังจากเซ็นสัญญากับเรอัล มาดริด เมื่อปี 2012 ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร กองกลางทีมชาติโครเอเชียก็พัฒนาตัวเองขึ้นเป็นจอมทัพที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในยุคโมเดิร์น เขาสำคัญต่อทีมราชันชุดขาวถึงขนาดว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม หากปราศจากมิดฟิลด์วัย 32 ปี ในรายชื่อตัวจริง

อิทธิพลของโมดริชแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศที่เขาคุมเกมได้อยู่หมัด จนกระทั่งเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น

2. จานลุยจิ บุฟฟอน

จานลุยจิ บุฟฟอน ได้อันดับสูงที่สุดของตัวเองใน Goal 50 หลังจากทำผลงานในสโมสรได้โดดเด่นที่สุดตลอดชีวิตค้าแข้งเมื่อฤดูกาล 2016-17 ที่ผ่านมา

กัปตันทีมเบียงโคเนรีทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ในฤดูกาลที่เบียงโคเนรีได้ดับเบิลแชมป์ในประเทศอีกครั้ง และเป็นสคูเคตโต้สมัยที่ 6 ติดต่อกัน

ถึงแม้จะอายุ 39 ปีในเดือนมกราคม เจ้าของสถิติติดทีมชาติอิตาลีมากที่สุดก็ยังแสดงให้เห็นถึงความเก๋าในตัว ด้วยการพายูเวนตุสเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นสมัยที่สองในรอบ 3 ปี

เขาโดนยิงเพียง 3 ประตูตลอดเส้นทางสู่คาร์ดิฟฟ์ของยูเว่ และไม่เสียประตูนานถึง 600 นาทีซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขา โดยเฉพาะในจังหวะที่เขาเซฟจุดโทษของอเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ในเกมเอาชนะลียง 1-0

น่าเสียดายที่เขายังไม่ได้แชมป์รายการใหญ่อีกรายการหนึ่งที่ขาดไปในชีวิตค้าแข้งของเขา เมื่อยูเวนตุสพ่ายแพ้ต่อมาดริดในรอบชิงชนะเลิศ แต่เขาก็ได้รางวัลปลอบใจด้วยการคว้าอันดับสองใน Goal 50 ได้สำเร็จ

1. คริสเตียโน โรนัลโด้

จอมถล่มประตูตัวจริงที่คว้าอันดับหนึ่งใน Goal 50 มาครองเป็นปีที่สองติดต่อกัน และทำให้สตาร์โปรตุกีสได้รางวัลนี้เป็นสมัยที่ 5 แล้ว

แข้งวัย 32 ปี ยิงได้ 25 ประตูจาก 29 นัด ตลอดเส้นทางสู่แชมป์ลาลีกาเป็นสมัยแรกตั้งแต่ปี 2012 ของเรอัล มาดริด นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงคลาสของเขาบนเวทีที่ใหญ่ที่สุดในระดับสโมสร

อดีตนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำแฮตทริคได้ติดต่อกันในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อคเอาท์ ที่พบบาเยิร์น มิวนิค และแอตเลติโก มาดริด ก่อนจะคว้าถ้วยแชมป์กับเรอัล มาดริด ด้วยสองประตูในรอบชิงชนะเลิศกับยูเวนตุส

นั่นหมายความว่าถ้าเรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก เป็นสมัยที่สามติดต่อกัน โรนัลโด้ก็มีโอกาสที่จะคว้า Goal 50 เป็นปีที่สามติดต่อกันเช่นกัน คุณคิดว่ามันจะเป็นไปได้ไหม?